ข่าว

นายกรู้มั๊ย สภาพัฒน์ ขวาง ทอท. งบ  4.2 หมื่นล้าน สะท้านเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เรื่องให้ที่หลายฝ่ายเพิกเฉย คือ ความพยายามของ ทอท.ที่จะเดินหน้าสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิแบบเต็มรูปแบบ งบประมาณรวม 4.2 หมื่นล้านบาท

ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3441 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 3-6 ก.พ.2562 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

 

นายกฯลุงตู่...รู้มั๊ย

“สภาพัฒน์”ขวาง”ทอท.”

งบเทอร์มินอล  4.2 หมื่นล้าน สะท้านเมือง

 

 

          ขณะนี้มีเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครต่างพากันเพิกเฉย อาจมองไม่รู้ ดูไม่เห็น ไปไม่เป็น หรือมี “ม่านสีม่วงบังตา” ผมก็ไม่รู้ มีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ผมอยากชวนทุกท่านช่วยกันจับจ้อง...

          นั่นคือ ความพยายามของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ที่มี ประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน นิตินัย ศิริสมรรถการเป็นผู้อำนวยการใหญ่ ที่จะเดินหน้าสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ของสนามบินสุวรรณภูมิแบบเต็มรูปแบบ งบประมาณรวม 4.2 หมื่นล้านบาท

          โครงการลงทุนชุดนี้น่าจะดูดี เหมาะสม เมื่อพิจารณาจากความแออัดของจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิที่ในปี 2561 ทะลุขึ้นมา 63 ล้านคนเข้าไปแล้ว และมีการประเมินว่าในปี 2565 จะทะลุไปถึง 73 ล้านคน

          หากจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิของไทยที่รัฐบาลลงทุนไปก้อนโตให้กลายเป็น “ฮับการบิน” ในภูมิภาค มีเที่ยวบิน 70-80 เที่ยวบินต่อชั่วโมง จำเป็นต้องลงทุนทั้งรันเวย์ และอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ มารองรับนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศไทยให้เศรษฐกิจศิวิไลซ์มากขึ้น

 

นายกรู้มั๊ย สภาพัฒน์ ขวาง ทอท. งบ  4.2 หมื่นล้าน สะท้านเมือง

 

          อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้แผนการลงทุนของ ทอท.ได้เดินมาถึงจุดเปลี่ยนอันสำคัญ เมื่อ “สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ:สภาพัฒน์” มีหนังสือถึงนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ให้ไปกำกับดูแล สั่งการให้ บริษัท ทอท. ในการลงทุนขยายสนามบินให้ดี

          หลายคนสงสัยว่ากะอีแค่หนังสือของสภาพัฒน์ มันจะมีนํ้ายาอะไร หากหน่วยงานของรัฐที่เป็นรัฐวิสาหกิจและเป็นบริษัทในตลาดหุ้น ที่สร้างกำไรก้อนโตในปี 2561 ถึง 25,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4,487 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 20,683 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น 5,636 ล้านบาท รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 3,160 ล้านบาท รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 2,475 ล้านบาท หรือ 10.28% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร

          ผมอยากบอกว่า ถึงตอนนี้ต้องเลิกคิดว่าสภาพัฒน์คือเสือกระดาษกันได้แล้ว เพราะรัฐบาลนายกฯ ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก้กฎหมายของสภาพัฒน์ใหม่ให้เป็นรูปแบบจาก “คณะกรรมการ” เป็น “สภาพัฒน์” เต็มรูปแบบเพื่อให้ทำหน้าที่กลั่นกรอง ระงับยับยั้งโครงการใช้งบประมาณแผ่นดินที่ไร้ประสิทธิภาพ มิใช่แค่ให้คำปรึกษากับรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีเช่นในอดีต

          อำนาจที่ผมว่านั้นอยู่ในมาตรา 20(10) ของพระราชบัญญัติ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. 2561 ระบุหน้าที่และอำนาจไว้ดังนี้ “ติดตามและประเมินผลการดำเนินการ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบาย แผนงาน และโครงการพัฒนาที่มีผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวม ทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเร่งรัดปรับปรุงหรือเลิกล้มโครงการพัฒนาอันหนึ่งอันใดเมื่อเห็นสมควร”

          ผมถึงบอกว่า สภาพัฒน์ลงดาบฟันบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ ที่จะลงทุนสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 จนแผลเหวอะหวะ

          เหวอะหวะยังงัย ผมพามาดูรายละเอียดกันให้เห็นภาพ...เริ่มจาก บริษัท ทอท.ฯ ทำหนังสือขอหารือว่าจะขอเปลี่ยนแปลงการขยายเทอร์มินัล 1 จากแผนเดิมที่กำหนดให้ขยายฝั่งตะวันออกก่อนแล้วจึงมาขยายฝั่งตะวันตก มาเป็นขอขยายสนามบินฝั่งตะวันตกก่อน

          สภาพัฒน์ เห็นว่า ผู้บริหาร ทอท.ไม่ยึดถือตามแผนแม่บทเดิม ทั้งในเรื่องสร้างเทอร์มินัล 2 และการขยายเทอร์มินัล 1 จึงขอให้ปลัดกระทรวงคมนาคมไปทบทวนแผนแม่บทในการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ

          หนังสือของสภาพัฒน์บอกไปว่า ให้ทอท.เร่งขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออกซึ่งออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ครม.ก็ได้อนุมัติไปแล้ว ทำไมจึงไปเปลี่ยนเสียละ...นายท่าน...(อันนี้ผมแปลเอง)

          ข้อสอง ทำไมถึงปรับโครงการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันตกและมาเร่งก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ซึ่งตามแผนแม่บทจะสร้างทางทิศใต้ของเทอร์มินัล 1 ฝั่งถนนบางนา-ตราด แต่บริษัท ทอท.จะสร้างในตำแหน่งที่ผิดแผนแม่บทในทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1 บนฝั่งมอเตอร์เวย์...อันนี้ผมก็ไม่ทราบได้ แต่ใครลองไปกางแผนผังจะเห็นนัยแห่งผลประโยชน์ที่ “ซ่อนเร้น”ของการเชื่อมต่อของอาคารผู้โดยสาร

          คำทักท้วงของสภาพัฒน์ไม่รู้เป็นไร ผมตงิดๆใจว่า “ทศพร ศิริสัมพันธ์” เลขาธิการ สภาพัฒน์ และน่าจะรู้ว่า ทอท.คิดการใหญ่อันใดอยู่ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร จึงไม่ยอมขยายพื้นที่อาคารด้านฝั่งตะวันออก แต่ขอเปลี่ยนไปสร้างอาคารทางฝั่งตะวันตกแทน...แปลว่า รู้ทันบรรดาไอ้เสือการท่า...

          ทอท.อ้างว่า ความจำเป็นที่ต้องสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 หรือเทอร์มินัล 2 ก็เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคน ในปี 2578 แต่ในหนังสือของสภาพัฒน์ระบุว่า “อ้าว...ในแผนแม่บทของ ทอท. ประเมินผู้โดยสารในปี 2578 ไว้แค่ 120.6 ล้านคนเท่านั้นมิใช่หรือ...ทำไมตัวเลขเปลี่ยนเป็น 150 ล้านคน...”

          สภาพัฒน์ยังล็อกคอตีเข่าอีกว่า การลงทุนทั้งหมดนั้น ทอท.ได้นำแผนการลงทุนของภาครัฐในการพัฒนาพื้นที่อีอีซีและสนามบินอู่ตะเภาร่วม 2 แสนล้านบาท และจะรองรับผู้โดยสารเป็น 30 ล้านคนในอีก 10 ปีแล้วหรือยัง

 

นายกรู้มั๊ย สภาพัฒน์ ขวาง ทอท. งบ  4.2 หมื่นล้าน สะท้านเมือง

          ผมไม่รู้ว่า ทุกท่านเชื่อใคร และเห็นอะไร ซ่อนอยู่ในข้อขัดแย้งของ 2 องค์กรนี้ แต่สำหรับผม ขอบอกว่า “สงครามของ 2 หน่วยงานนี้ไม่ธรรมดา มีเดิมพันสูง”และมี “ไอ้โม่งหรือนินจา” ตัวฉกาจอยู่เบื้องหลัง เขาคนนั้นมีพลังมากขนาดทำให้เปลี่ยนแผนแม่บทในการลงทุนก้อนโตได้ก็แล้วกัน

          หน่วยงานหนึ่งประสงค์จะใช้งบก้อนโตขององค์กรไปลงทุนขยายอาคารผู้โดยสาร และจำนวนเงินที่ลงทุนก็ถือว่าก้อนโต เป็นเงินที่สูงกว่าอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ที่เคยสร้างไว้ร่วม 100%

          หน่วยงานหนึ่งทำหน้าที่กลั่นกรอง ให้คำปรึกษาและต่อมากฎหมายที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 ให้มีอำนาจระงับยับยั้ง หรือล้มเลิกโครงการเมื่อเห็นสมควร...

          เดิมพันในเรื่องการใช้งบประมาณในการลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาทมารองรับผู้ดดยสารของสนามบิน

          สุวรรณภูมิของ บริษัท ทอท.ฯจึงสูงยิ่ง ถึงขนาด อาคมเติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ต้องลงมาดูเอง...มันไม่ธรรมดาแน่นอนพี่น้องครับ

          ผมไม่รู้ว่าจะบอกทุกท่านและคนไทยอย่างไร โดยไม่สุ่มเสี่ยงกับการฟ้องร้อง คุกตะราง โทษฐานหมิ่นประมาท

          ได้แต่บอกว่า “มันต้องมีอะไรในกอไผ่”....ไม่เช่นนั้นไม่มีการพยายามเปลี่ยนแปลงผลักดัน และต่อสู้กันหนักหน่วง ผมไม่รู้ว่า “นายกฯลุงตู่” รู้เรื่องนี้หรือยัง ถ้ายัง...ผมจะมาลุยไฟให้ท่านเห็นแผลผุพอง เอามั้ยครับ!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ