คงเป็นกรรมของประเทศที่ "คนโลภ-คนเขลา" และ "คนมีอำนาจ" มารวมตัวกันและปล่อยให้ "โรงเรียนและสถานศึกษา" เข้าตลาดหุ้นอย่างหน้าตาเฉย
มารยาตลาดหุ้น ฉบับ 3422 หน้า 17 ระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค.2561 โดย...คุณนายเผือก
ตราบาป 'อภิศักดิ์-รพี' ตาไม่สว่าง
ปล่อยไหล "โรงเรียน" เข้าตลาดหุ้น
คงเป็นกรรมของประเทศที่ “คนโลภ-คนเขลา” และ “คนมีอำนาจ” มารวมตัวกันและปล่อยให้ “โรงเรียนและสถานศึกษา” เข้าตลาดหุ้นอย่างหน้าตาเฉย
การตัดสินใจอนุมัติให้ “โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (SISB)” เข้าตลาดหุ้นครั้งนี้… เป็นการใช้อำนาจอนุมัติอย่างขาดการคำนึงถึงผลกระทบอันเลวร้ายที่อาจจะตามมา
ขอให้ประวัติศาสตร์จารึกไว้… คนไทยควรจะจดจำชื่อคนดังต่อไปนี้ไว้ให้แม่น จดไปได้เลยบนบัญชีหนังสัตว์ เพราะหากโรงเรียนถูกบริหารดั่ง “โรงงานผลิตวุฒิการศึกษา” 5 คนผู้ต้องรับผิดชอบนั่นคือ
“อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” รมว.คลัง ผู้ไม่ยอมนำเรื่องนี้กลับมาทบทวนใหม่ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงต่อความมั่นคงของประเทศ
คณะกรรมการ ก.ล.ต.“รพี สุจริตกุล” เลขาธิการ ก.ล.ต. ผู้ที่หลงในอัตตาของตนและคิดว่าตนเองทำถูกเสมอ
“ภากร ปีตธวัชชัย” ผู้จัดการ ตลท. ผู้ปล่อยให้บริษัทที่อาจนำภัยสู่ความมั่นคงและไม่ควรมุ่งเน้นกำไรสูงสุดเข้าตลาดหุ้น
“ยิว ฮอค โคว” ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารชาวสิงคโปร์ของ “บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน)” หรือ “SISB” ผู้ทำหน้าที่แกนหลักในการผลักดันโรงเรียนเข้าตลาดหุ้นไทยเพื่อระดมเงินไปใช้หนี้ จนถูกตั้งคำถามถึง “จิตวิญญาณของความเป็นครู” และ ”อุดมการณ์ของเจ้าของสถานศึกษาในหัวใจ”
“สมภพ กีระสุนทรพงษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัสฯ ที่ปรึกษาการเงิน ผู้ดำเนินการให้ “โรงเรียน” เข้าตลาดหุ้นโดยลืมมองถึงศีลธรรมอันดีงามที่จะอาจถูกทำลาย
คืออนิจจังแห่งโลกมนุษย์ที่น่าสลด เมื่อปรัชญาแห่งการศึกษากำลังถูกแปรเปลี่ยนและถูกทำลาย
น่าสงสารผู้ปกครองของเด็กๆ เมื่อโรงเรียนกำลังจะมุ่งเน้นการแสวงหากำไรอันสูงสุด เพื่อความมั่งคั่งเฉพาะกลุ่ม
คราวนี้ถือว่าสุดแล้วแต่กรรมของสังคมไทย… ดิฉันก็แค่เพียงหนึ่งเสียงที่ไม่ดังเท่าผู้มีอำนาจ จะยึดถือ “ทิฐิมานะ” ไปก็คงไร้ประโยชน์ แต่ดิฉันในฐานะสื่อมวลชนก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วเจ้าค่ะ
ตราประทับรับรองของ ก.ล.ต. และ ตลท. ครานี้อาจเป็นดั่ง “ตราบาป” และ “รอยแผล” ตลอดกาลในระบบการศึกษาของสังคมไทย
กลับมาวิเคราะห์ราคา IPO และแนวโน้มราคาซื้อขายของ “SISB” ดิฉันสรุปสั้นๆ แล้วกันว่า หุ้นจองก่อนหน้าขายราคาถูกกว่านี้เกือบ 10 เท่ายังหลุดจอง แล้วนับประสาอะไรกับหุ้น SISB ที่ขายราคา P/E กว่า 60 เท่า
จำนวนหุ้นที่ขายก็มากกว่า 260 ล้านหุ้น ราคา IPO 5.20 บาทต่อหุ้น ก็แพงกว่ามาตรฐานเฉลี่ยตลาด เงินระดมทุนก็มหาศาลกว่า 1.3 พันล้านบาท
ส่วนที่ “สมภพ กีระสุนทรพงษ์” ที่ปรึกษาการเงินผู้มุ่งเน้นแต่การหาเงิน โม้ว่ามีกองทุนสนใจกว่า 13 เท่านั้น ขอให้จริงเถอะเจ้าค่ะ โกหกสีขาวผิดศีลและบาปมากนะเจ้าคะ อยู่ในโลกเงินๆ ทองๆ ควรอย่าละทิ้งศีลธรรมอันดีงาม
ก.ล.ต.ก็ควรจับตาการให้ข่าวชี้ชวนแบบนี้!! บทวิเคราะห์ที่ชี้นำราคาเป้าหมายเกินจริงแต่ขาดความรับผิดชอบก็ควรจับตาดูนะเจ้าคะ… ไม่ใช่ไปสอบได้ใบอนุญาตแล้วจะมาเขียนชุ่ยๆ
คนดีๆ กันทั้งนั้น รอดูราคาของ SISB วันแรกละกันเจ้าค่ะ แต่ที่แน่ๆ เกือบทั้งหมดของหุ้นน้องใหม่หลุดจองเกือบทั้งหมดในปีนี้!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง