ข่าว

สิ้น 'เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา' อาณาจักรคิงเพาเวอร์สั่นคลอน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โศกนาฏกรรมการสูญเสีย 'เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา' ผู้นำ "คิงเพาเวอร์" นำมาซึ่งความรู้สึกใจหายใจควํ่ากับการสูญเสียของบุคคลนี้ไปในวันที่ไม่มีใครคาดคิด

ทางออกนอกตำรา ฉบับ 3414 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.2561 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

สิ้น ‘เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา’

อาณาจักรคิงเพาเวอร์สั่นคลอน

 

สิ้น 'เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา' อาณาจักรคิงเพาเวอร์สั่นคลอน

 

 

           โศกนาฏกรรมของการสูญเสีย “เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้นำ “คิงเพาเวอร์” มิเพียงนำความเศร้าโศกมายังคนในครอบครัวเท่านั้น หากแต่ยังความเศร้าสร้อย หงอยเหงา มายังแฟนคลับฟุตบอลของโลกอีกจำนวนมาก

            ผมคนหนึ่งที่เป็นแฟนคลับ ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของคุณวิชัยมาตั้งแต่ปี 2539-2540-2541 เรื่อยมาจนคุณวิชัยกลายเป็นเสี่ยวิชัย และเป็นเจ้าสัววิชัย คิงเพาเวอร์ ก็รู้สึกใจหายใจควํ่ากับการสูญเสียของบุคคลนี้ไปในวันที่ไม่มีใครคาดคิด

            ผมยืนยันได้ว่า เจ้าสัววิชัย ถือว่าเป็นนักธุรกิจ “เลือดนักสู้เต็มตัว” เป็นนักธุรกิจที่รู้จักจังหวะ จะโคน และรู้จักรอคอยโอกาสอย่างนิ่งสงบ

            ผมเคยพบเห็นและเฝ้าสังเกตเจ้าสัววิชัย ผู้อดทน อดกลั้น นั่งรออยู่นานแสนนานเพื่อเจรจาขอเงินกู้และขอหนังสือคํ้าประกันจากนายธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง

 

สิ้น 'เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา' อาณาจักรคิงเพาเวอร์สั่นคลอน

            ผมเคยซักถามเสี่ยวิชัยด้วยตัวเองเมื่อยามที่นำที่ดินเช่าอันยาวนานมาขอกู้เงินธนาคารเพื่อขึ้นคอมเพล็กซ์ แต่ไม่มีธนาคารไหนยอมปล่อยนอกจาก 2 ธนาคาร นั่นคือ “TMB-SCB” ที่เห็นโอกาสทางธุรกิจและเชื่อมั่นในพลังที่เสี่ยวิชัยยกมาอรรถาธิบายว่าคิงเพาเวอร์ซอยรางนํ้า ที่สร้างเป็น “Stand Alone” ทำเงินได้มากกว่าไปเช่าพื้นที่ห้างสรรพสินค้าในเมือง และในที่สุดก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

            และมีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่มี “ดิวตี้ฟรีสแตนด์อะโลน” พูดง่ายๆ คือมีสถานที่ให้คนซื้อสินค้าปลอดภาษีอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับพลาซาหรือห้างของใคร...เสี่ยวิชัยคิดและลงมือทำจนสัมฤทธิผล...จนนายธนาคารใหญ่หลายคนต้องเปิดหมวก น้อมกาย ก้มหัว ให้ในปัจจุบัน

            ธุรกิจดิวตี้ฟรี ที่ตามหลักการมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมาซื้อของแล้วหิ้วกลับออกไปเมืองนอก จะยืนอยู่ได้ต้องมีจุดขายว่าเป็น “ย่านช็อปปิ้งสตรีต” ที่ดึงคนมาใช้จ่าย “กิน ดื่ม ช็อป” ถูกทำลายหลักการนี้ลงได้ในเมืองไทย ด้วยนํ้ามือและการทำงานหนักของ “เจ้าสัววิชัย”

            ธุรกิจดิวตี้ฟรี ที่ตามหลักสากลต้องมีการขนของออกนอกราชอาณาจักรเท่านั้น ถูกทำลายลงไป ด้วยการเปิดทางให้คนไทยไปจอง สั่งซื้อสินค้าก่อนเดินทางออกนอกประเทศ แล้วฝากไว้ในสนามบิน แล้วบินกลับมาหิ้วเข้าประเทศ โดยไม่ต้องจ่ายภาษีสักอีแปะ เพียงเพื่อช่วยไม่ให้ “เงินทองรั่วไหลออกนอกประเทศ” นี่ก็มาจากหลักคิดแนวทางการทำมาค้าขายของเจ้าสัววิชัย

 

สิ้น 'เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา' อาณาจักรคิงเพาเวอร์สั่นคลอน

            แต่กว่าจะผลักดันแนวคิดนี้สำเร็จ เจ้าสัววิชัยต้องใช้ความพยายามอย่างหนักหน่วง ในการทำความเข้าใจ อรรถาธิบายให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมือง ผู้ทำหน้าที่สร้างกรอบกติกาให้คนในประเทศปฏิบัติแบบเดียวกันอย่างเป็นธรรม ต่างพยักหน้าเห็นพ้องและลงมือสรรค์สร้าง แนวคิดนี้ให้เป็นรูปธรรม โดยไม่สนใจห้างสรรพสินค้าประเภทเดียวกันที่เสียภาษีให้รัฐบาลทุกบาททุกสตางค์นั้น เจ้าสัววิชัยต้องออกแรงไปไม่น้อย แต่ความอดทนและรอคอยจังหวะที่เหมาะสม ทำให้เจ้าสัววิชัยประสบผลสำเร็จอย่างล้นหลาม

            เจ้าสัววิชัย ทำธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรีมา 30 ปีเศษ เริ่มต้นชีวิตนักธุรกิจดิวตี้ฟรีเมื่ออายุ 31 ปี จนนิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทย ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 156,000 ล้านบาท จึงมิได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบ แต่มาจากการฟันฝ่าขวากหนาม เต็มไปด้วยบาดแผลที่สะท้อนประสบการณ์ที่มากมาย

            แน่นอนว่ากว่าจะถึงจุดนี้ได้ เจ้าสัววิชัยมิใช่ผู้เกิดบนกองทอง แต่เขาใช้สติปัญญา คอนเนกชั่น และการทำให้เห็นตามที่รับปากไว้สำเร็จ เจ้าสัววิชัยมิใช่ “เศรษฐีใหญ่ใจบุญ” แต่เป็นนักธุรกิจใหญ่ระดับเจ้าสัวของเมืองไทยผู้ผ่านความจริงแห่งชีวิตมากมายในการปีนป่ายก้าวขึ้นมาจากปุถุชนนักธุรกิจธรรมดาจนกลายเป็นคนแถวหน้าของประเทศระดับเจ้าสัว

            เป็นเจ้าสัวชนิดที่คนบางคน แม้ไม่เคยพบเห็นและหรือทำความรู้จักเป็นการส่วนตัว เพียงแค่ได้ยินชื่อเสียง “เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา” ก็สามารถน้อมกาย ถวายใจ ยกมือไหว้ คารวะ ด้วยความหวั่นเกรงในบารมี

            “เจ้าสัววิชัย” ประดุจดั่งไม้บางต้น ผู้คนเพียงเห็นแค่เงาเลือนราง ก็สามารถจินตนาการไปไกลถึงความสูงใหญ่ร่มใบบังให้นกกาได้สร้างรังนอนได้

            ยามนี้ชื่อของไม้ นามของคน ได้ร่วงหล่นลงสู่ดิน ท่ามกลาง อาณาจักรคิงเพาเวอร์ที่กำลังยืนบนรอยต่ออันสำคัญ เนื่องจากสัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่กลุ่มคิงเพาเวอร์รับเหมาทำธุรกิจมาอย่างเป็นลํ่าเป็นสันจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2563

            แน่นอนว่า สัมปทานที่หมดอายุลง หัวเรือใหญ่ของอาณาจักรได้จากไป ทำให้ธุรกิจกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่เคยสร้างรายได้ปีละ 117,000 ล้านบาท กำไรสุทธิปีละ 11,000 ล้านบาท สะท้านสะเทือนไปด้วยแน่

            เพราะทายาทที่บริหารอยู่ในปัจจุบัน ไล่จาก “เอมอร ศรีวัฒนประภา” ผู้เป็นภรรยา และทายาททั้ง 4 คน “อัยยวัฒน์-วรมาศ-อภิเชษฐ์-อรุณรุ่ง” ยังด้อยประสบการณ์ในธุรกิจสัมปทานดิวตี้ฟรีที่เป็นขุมทรัพย์ทองคำ ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยว กรากของจิตใจ การบริหารความสัมพันธ์ คอนเนกชัน ตลอดไปจนถึงการบริหารเงินที่มืออาชีพยังอาย

            อาณาจักรคิงเพาเวอร์หลังจากนี้จึงน่าจับตาว่าจะรักษาฐานธุรกิจไว้ได้อย่างไร เครือข่ายคิงเพาเวอร์ กรุ๊ป ทั้ง 16 บริษัท รายได้รวม 117,570 ล้านบาท กำไร 11,716 ล้านบาท เฉพาะกลุ่มที่ประกอบธุรกิจดิวตี้ฟรี มีรายได้รวม 113,247 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,954 ล้านบาท และธุรกิจที่ไม่ใช่ดิวตี้ฟรีอีก 7 บริษัท มีรายได้รวม 4,323 ล้านบาท กำไร 3,762 ล้านบาท กำลังก้าวไปสู่จุดเปลี่ยนหรือไม่ต้องติดตาม

            แต่คนในคิงเพาเวอร์ และสถาบันการเงินผู้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจของกลุ่มศรีวัฒนประภาบอกกับผมว่า “รอยต่ออาณาจักรคิงเพาเวอร์” กำลังสั่นคลอนมาก

            อยู่ที่พันธมิตร 2 กลุ่ม คือ “กนกศักดิ์ ปิ่นแสง” ผู้มีเงาของ “เนวิน ชิดชอบ”ทาทาบอย่างแกะไม่ออก กับ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ว่าจะกระโดดเข้ามาช่วยเหลือเกื้อกูลมากน้อยแค่ไหน เพื่อคอยเป็น“พี่เลี้ยง” ให้ทายาทเจ้าสัววิชัยได้เดินหน้ารักษาธุรกิจดิวตี้ฟรี ที่ต้องมีหลังพิงการเมือง การบริหารกับอำนาจ และการจัดการท่อนํ้าเลี้ยง ได้อย่างไม่สะดุด

            เพราะขุมทรัพย์สัมปทานดิวตี้ฟรีจากรัฐ ผลประโยชน์ในการทำกำไร ทำรายได้ ดูจะหอมหวนเย้ายวนใจขาใหญ่ในเมืองไทยและเมืองนอกน่าดูชม...ไม่เชื่อการวิเคราะห์ของผม ก็โปรดรอดูครับ...ไม่นานเห็นภาพครับ  

 

สิ้น 'เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา' อาณาจักรคิงเพาเวอร์สั่นคลอน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ