ฟันเฟืองตัวแสบแต่ละคนก็ล้วนใหญ่คับวงการกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น "ลูกหนี้" ซึ่งคือ EARTH กับผู้บริหาร "ตระกูลพิหเคนทร์" และ "ขจรพงศ์ คำดี"
มารยาตลาดหุ้น หน้า 17 ฉบับ 3401 ระหว่างวันที่ 16-19 ก.ย.2561 โดย...คุณนายเผือก
หลังจาก 2 ตอนที่ผ่านมา แทบหายใจไม่ออก เสมือนจะถูกบังคับให้ปิดปาก ปิดตา ปิดจมูก เรื่องที่มาและที่ไปของ “หนี้เน่าหมื่นล้าน” ของ “บมจ. เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ” (EARTH) ที่สร้างรอยแผลลึกให้กับ “ธนาคารกรุงไทย” ธนาคารรัฐของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
ฟันเฟืองตัวแสบแต่ละคนก็ล้วนใหญ่คับวงการกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “ลูกหนี้” ซึ่งคือ EARTH กับผู้บริหาร “ตระกูลพิหเคนทร์” และ “ขจรพงศ์ คำดี”
กุนซือจอมวางแผนการปล้น (ที่พูดถึงไปแล้วแต่ยังไม่หมด) ซึ่งเป็นถึงระดับ “อดีตผู้พิพากษา พ.”
เจ้าหน้าที่รัฐ หรือ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย (บางรายที่มากด้วยปริญญา) ชื่อย่อ ป. ที่ “เออ ออ ห่อ หมกเม็ด” ร่วมกับกลุ่มลูกหนี้ในการปล่อยลูกหนี้เข้าแผนฟื้นฟูเพื่อหมกเม็ดความจริงบางอย่าง
แต่ที่ดิฉันยังไม่ได้กล่าวถึงคือ “ผู้ปล่อยกู้” (ผู้บริหารกรุงไทย) ซึ่ง “อนุมัติสินเชื่อพิสดาร” นี้ให้กับ EARTH ที่ปัจจุบันถือเป็นหนี้เสียยอดกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทนี้
“วรภัค ธันยาวงษ์” คืออดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ช่วงระหว่าง ปี 2558-2559 คือผู้ซึ่งเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้กับกลุ่ม EARTH จนเป็นหนี้เน่า ณ ปัจจุบัน
ส่วนมือขวาที่ทำข้อมูลอนุมัติและเพิ่มวงเงินสินเชื่อของ EARTH นั้นก็คือ “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” และ ลูกน้องชื่อ “แอน”
ปัจจุบันทั้งคู่ได้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ ชื่อ “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดพิเศษ (Special Audit) เพื่อตรวจสอบกลุ่มลูกหนี้ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธฯ และแจ้งข้อกล่าวหา” นำโดยประธานการสอบคือ “สมชัย บุญนำศิริ”
กระบวนการสอบสวนได้เริ่มมากว่า 1 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันได้สรุปเสร็จสิ้นแล้ว รอแต่เพียง “คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย” สรุปเพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริษัท โดยหากผิดจริง เรื่องจะถูกส่งต่อไปยังป.ป.ช.
แต่ปัจจุบันกระบวนการสอบสวนทางวินัยเรื่องนี้มีความล่าช้าเป็นอย่างมาก และไม่ยอมสรุปเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาเสียที... ไม่รู้มีลับลมคมในอะไรหรือเปล่า!
แม้สังคมไทยจะเป็นสังคมอุปถัมภ์ แต่คนผิดไม่ควรมีข้อยกเว้น...ชักช้าระวังเผือกร้อนจะเข้าตัวนะเจ้าคะ
ด้าน “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” ทุกวันนี้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” ซึ่งได้โม้ต่อสื่อมวลชนในเดือนมีนาคม 2561 ว่า “ในปี 2561-2562 เราจะเดินหน้าสู่เป้าหมาย ขึ้นเป็นธนาคารระดับกลางที่แข็งแกร่งที่สุด ด้านอาเซียนในประเทศไทย และตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไรก่อนหักภาษี 12,000-15,000 ล้านบาท จากที่มีอยู่ 2,000 ล้านบาท”
แต่ผลงานที่ออกมาจริงปรากฎว่าผลประกอบการของ “ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” กลับลดลงมากที่สุดถึง 46% สวนทางกับธนาคารพาณิชย์โดยรวมที่มีผลประกอบการรวมดีขึ้นกว่า 17%
มิหนำซ้ำ “ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย” ยังมีกำไรต่ำสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดในครึ่งแรกของปี 2561
“ความน่าเชื่อถือ” คือคุณสมบัติสำคัญของนายธนาคาร “สัจจะ” คือสิ่งที่แม้แต่หัวหน้าโจรยังรักษา แต่ “วิมานเมฆ” ที่ “กิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ” ยกมาพูดช่างน่าขันสิ้นดี เรียกได้ว่าทิศทางผลงานไม่แพ้ที่สร้างวีรกรรมไว้กลับธนาคารกรุงไทยจริงๆ นะเจ้าคะคุณโจ้!
ติดตามต่อฉบับหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง