เส้นทางสายไหมศตวรรษ 21 สนับสนุนหรือคว่ำบาตร

 

               การประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation – BRF) ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง ในวันที่ 26-27 เมษายน 2019 โดยการประชุมความร่วมมือระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีจีนสีจิ้งผิง ประกาศว่าเขาจะจัดงานครั้งที่สองขึ้นในปี 2019

 

               การประชุมเวทีการประชุมสุดยอดครั้งนี้ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายจากการประชุมครั้งในครั้งแรก เพื่อส่งเสริมการริเริ่มโอกาสสำคัญในการขยายตัวที่มากยิ่งขึ้น

 

 

               โดยได้รับการตอบรับจากตัวแทนของรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศที่จะเข้าร่วมในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ โดย พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดเดินทางเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

 

               ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นของประเทศที่อยู่ในเส้นทางสายไหมในการส่งเสริมความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงทุกมิติ รวมทั้งการเชื่อมโยงนโยบายการพัฒนาร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างประเทศที่อยู่ในเส้นทางสายไหมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

 

 

               นอกจากนี้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนและรัฐบาลอิตาลีได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation – BRF) อย่างเป็นทางการ โดยอิตาลีเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G7 ที่ร่วมลงนามสำหรับโครงการทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งยังกระตุ้นให้เกิดการเฝ้าระวังของบางประเทศ มี 123 ประเทศและ 29 องค์กรระหว่างประเทศได้ลงนามในเอกสารอย่างเป็นทางการมากกว่า 170 ฉบับ ภายใต้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีนเพื่อสร้างเอกสารความร่วมมือนี้ขึ้น

 

               ปัจจุบันมี 11 ประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป 16 ประเทศในยุโรปกลางจีนและอิตาลีได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงนี้ซึ่งระบุได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของอิตาลีจากตะวันตกสู่ตะวันออก นั่นหมายถึงการมองหาโอกาสของในการลงทุนใหม่ๆ โดยการเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ของจีน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่มีบทบาทสำคัญเช่นกัน

 

 

               โครงการเส้นทางสายไหมศตวรรษ 21 “One Belt One Road” มีความคิดริเริ่มมาจากประเทศจีน และได้การตอบรับและเห็นชอบจากหลากหลายประเทศ เพราะถือเป็นโครงการที่สำคัญระดับนานาชาติที่ทุกประเทศได้รับประโยชน์ คือ การพัฒนาร่วมกัน โดยมีเป้าหมายคือการบรรลุความสำเร็จภายใต้ความร่วมมือแบบ win-win ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่คือประเทศต่างๆ ที่อยู่ในสายเพื่อให้ทุกประเทศเติบโตและพัฒนาไปด้วยกัน 

 

               ประเทศที่เข้าร่วมภายใต้โครงการนี้ต่างพึ่งพากลไกแบบพหุภาคีที่มีอยู่ของจีนและประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่และพึ่งพาแพลตฟอร์มความร่วมมือระดับภูมิภาคที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อที่จะยกระดับการพัฒนาอย่างสันติ โดยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การทำงานร่วมกัน ความรับผิดชอบตลอดจนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ รวมถึงการแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรมอีกด้วย

 

 

               และในช่วงห้าปีที่ผ่านมาปริมาณการนำเข้าและส่งออกทั้งหมดระหว่างจีนและประเทศต่างๆ ในแถบเส้นทางสายไหมนั้นมูลค่าสูงถึง 6,469.19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อให้เกิดการจ้างงานราว 244,000 ตำแหน่งในพื้นที่ ภาษีและค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้ประเทศเจ้าบ้านมีมูลค่ารวม 2.01 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

               การวิจัยล่าสุดโดยองค์กรระหว่างประเทศอย่างธนาคารโลกกล่าวว่าโครงการเส้นทางสายไหมจะสามารถลดต้นทุนการค้าโลกลง 1.1%-2.2% อีกทั้งยังส่งเสริมอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกอย่างน้อย 0.1% ในปี 2562 นี้