ประชาสัมพันธ์

ปฏิรูปงานรัฐ พลิกโฉมบริการประชาชน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัล กลไกปฏิรูปงานรัฐ ชู 'นวัตกรรม' พลิกโฉมบริการประชาชน

 

               ท่ามกลางอิทธิพล Digital Disruption ในประเทศไทย ภาครัฐมีความพยายามปรับเปลี่ยนบทบาทให้เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายไปสู่การเป็น “รัฐบาลดิจิทัล”

 

               ในประเทศไทยมี “สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)” หรือ สพร. ทำหน้าที่ในฐานะหน่วยงานกลางของระบบรัฐบาลดิจิทัล มีภารกิจให้บริการ ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอื่นเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานภาครัฐและการจัดทำบริการสาธารณะ

 

               สพร. มีบทบาทสำคัญในการเป็นผูัพัฒนา บริหารจัดการ และให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัล รวมไปถึงระบบการให้บริการหรือแอพพลิเคชั่นพื้นฐานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการจัดทํามาตรฐาน แนวทาง มาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการทางเทคโนโลยีดิจิทัล

 

               กระบวนการดําเนินงานเพื่อให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลและระบบการทํางานระหว่างกันของหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกัน ตลอดจนการส่งเสริมและสนับสนุนการบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

 

               โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนทะเบียนข้อมูลดิจิทัลภาครัฐ เพื่ออํานวยความสะดวกการให้บริการประชาชน และในการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการศึกษา วิจัย และพัฒนาบุคลากรภาครัฐด้านดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการเป็นรัฐบาลดิจิทัล

 

               ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล หรือดีจีเอ กล่าวว่า หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณา “ร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ....” และเตรียมประกาศใช้เป็นกฎหมาย หลังนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดีจีเอได้เตรียมพร้อมทั้งเรื่องบุคลากร งบประมาณ และแนวทางในการทำงาน เพื่อดำเนินงานตามเจตนารมณ์ของ พ.รบ.รัฐบาลดิจิทัลฉบับใหม่นี้อย่างเร่งด่วน

 

ปฏิรูปงานรัฐ พลิกโฉมบริการประชาชน

ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด 

 

               ทั้งนี้ การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาระบบการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลนั้นเกิดผลสำเร็จในหลายประเทศ เช่น ประเทศเอสโตเนีย เกาหลีใต้ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ประเทศไทยก็ได้มีการริเริ่มจัดทำร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยรัฐบาลดิจิทัล พ.ศ. ....

 

               โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน ร่วมกับดีจีเอ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี และสำนักงาน ก.พ.ร. ได้ร่วมกันผลักดันต่อจาก สปท. ซึ่งในชั้นการตรวจพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ปรับแก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติใหม่เป็น “ร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. .....”


๐ ก้าวสู่ยุคข้อมูล “ดิจิทัล”

               สำหรับสาระสำคัญ คือ 1.กำหนดให้มีการจัดทำแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเพื่อกำหนดกรอบและทิศทางการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล 2.กำหนดให้มีธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) เพื่อเป็นกรอบในการกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบในการบริหารจัดการข้อมูลของหน่วยงานของรัฐ

 

               3.กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำข้อมูลและบริการในรูปแบบดิจิทัล (Digitization) เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน 4.กำหนดให้หน่วยงานของรัฐแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน (Integration) และ 5.กำหนดให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐในรูปแบบดิจิทัล (Open Government Data) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก และสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์สำหรับต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ได้

 

               “เมื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้วจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อจัดทำแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ จัดทำมาตรฐานและหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระบบดิจิทัล กำหนดแนวทางการพัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐ

 

               จัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ และจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐให้เกิดบริการสาธารณะแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เป็นต้น โดยมีดีจีเอ ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายนี้"

 

               ดร.ศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการดำเนินงานตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของไทย พบปัญหาในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลภาครัฐมาใช้ในการให้บริการประชาชน คือ แต่ละหน่วยงานต่างมีกฎหมาย และกฎระเบียบของตนเอง เช่น กระบวนงานต่างๆ มีระเบียบว่าเมื่อประชาชนมาใช้บริการจะต้องมีสำเนาเอกสารมาด้วยเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งในมาตรา 14 ของร่าง พ.ร.บ.นี้ จะช่วยให้กระบวนงานหน่วยงานของรัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

               โดยกำหนดให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลและทะเบียนดิจิทัล เพื่อให้หน่วยงานของรัฐไม่ต้องร้องขอสำเนาเอกสารจากประชาชน สามารถร้องขอข้อมูลจากหน่วยงานเจ้าของข้อมูลได้ผ่านศูนย์ฯ นอกจากช่วยลดกระบวนงาน ลดการใช้กระดาษแล้ว ก็ช่วยลดเวลา ลดภาระค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนด้วย

 

               ที่สำคัญ จะเน้นการเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานรัฐให้เกิดบริการสาธารณะแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ได้ เช่น การเปิดร้านอาหารมีประมาณ 10 หน่วยงานที่ต้องให้ใบอนุญาตในการเปิดร้านอาหาร หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะถูกเขียนไว้ในแผนว่าจะต้องมาทำงานร่วมกัน ต้องลดแบบฟอร์มลงให้เหลือฟอร์มเดียวเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น การทำงานรัฐบาลดิจิทัลจะไม่ต่างคนต่างทำอีกแล้ว เพราะกฎหมายบังคับใช้ให้ทุกคนต้องทำงานร่วมกัน

 

               สำหรับสาระสำคัญในมาตราอื่นๆ เช่น ในมาตรา 16 ให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการในรูปแบบดิจิทัลต่อสาธารณะ ผ่านศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ โดยประชาชนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ

 

               ในมาตรา 10 กำหนดให้ หน่วยงานของรัฐทุกแห่งต้องเปลี่ยนแปลงข้อมูลในการทำงานและกระบวนการทำงานให้เป็นดิจิทัล และต้องจัดให้มีช่องทางการชำระเงินดิจิทัลและระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล แบบครบวงจร ทั้ง Digitization, Digital Process, Digital Payment และ Digital ID และต้องทำ Security และ Capacity Building ด้วย โดยทั้งหมดจะถูกกำหนดไว้ในแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ว่าหน่วยงานไหนสามารถเริ่มดำเนินการได้ก่อนหรือหลังตามลำดับ เพราะเรามีทรัพยากรจำกัดนั่นเอง

 

               “จะเห็นได้ว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นเรื่องของข้อมูลทั้งสิ้น ดังนั้น จึงต้องมีธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) เป็นกรอบการกำกับดูแลข้อมูล ในกฎหมายนี้ โดยมีกรอบการกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance Framework) เพื่อกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อให้การได้มาและการนำไปใช้ข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน มั่นคงปลอดภัย รักษาความเป็นส่วนบุคคล และสามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงปลอดภัยได้จริง”


๐ พลิกโฉมบริการประชาชน

               อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ประชาชนและสังคมจะได้รับจากการมี พ.ร.บ.รัฐบาลดิจิทัลฉบับนี้ คือ 1.ประชาชนจะได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการของหน่วยงานภาครัฐ ไม่สร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินจำเป็น 2.ลดภาระทางด้านเวลา ค่าใช้จ่าย และการจัดเตรียมเอกสารของประชาชนในการติดต่อราชการ เนื่องจากกระบวนการทำงานของหน่วยงานของรัฐจะมีความสอดคล้องและสามารถเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานของรัฐอื่นได้

 

               3.ประชาชนยังมีส่วนร่วมและสามารถตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐได้โดยสะดวก เนื่องจากหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานต้องจัดให้ทำข้อมูลที่ต้องเปิดเผยตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้ง่ายและโดยสะดวก กอปรกับมีช่องทางในการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ

 

               4.ประชาชนสามารถนำข้อมูลของหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ข้อมูลลับหรือข้อมูลส่วนบุคคลไปพัฒนานวัตกรรมที่สามารถสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะที่หน่วยงานของรัฐจัดทำและครอบครองผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งจะทำให้เกิดนวัตกรรมที่มีประโยชน์และหลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในด้านต่างๆ ขณะเดียวกันก็เป็นการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นต้น

 

               5.ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างมั่นคงและปลอดภัย เนื่องจากในกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานต้องจัดทำธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐเพื่อกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบในการบริหารจัดการข้อมูลของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงสิทธิและหน้าที่ของผู้ครอบครองหรือควบคุมข้อมูลดังกล่าวในทุกขั้นตอน มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการภาครัฐเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางความหลากหลายและซับซ้อนของเศรษฐกิจและสังคม นอกจากนี้การดำเนินงานของภาครัฐจะเกิดความโปร่งใส ส่งผลให้เกิดความน่าเชื่อถือ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ