ชาวโลกห่วงใยชะตากรรมผืนป่าที่ได้ชื่อว่าเป็นปอดใหญ่ของโลก ขณะผู้นำโยนบาปเอ็นจีโอ
ป่าแอมะซอน ผืนป่าฝนใหญ่ที่สุดของโลก เป็นกลไกใหญ่ช่วยชะลอภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ( ไคลเมท เชนจ์) ในฐานะแหล่งผลิตออกซิเจนมากถึง 20% ให้กับโลก ทั้งยังเป็นบ้านของพืนพันธุ์สัตว์ป่านับไม่ถ้วน แต่เวลานี้ปอดใหญ่ของโลก กำลังเผชิญกับไฟป่าเผาผลาญอัตรารุนแรงที่สุด นับตั้งแต่สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล เริ่มเก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2556
ในปีนี้ เกิดไฟป่ารวม 72,843 จุด เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 80% เท่ากับว่า ทุกนาที ป่าแอมะซอนขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอล 1 เท่าครึ่งถูกทำลาย
Just a little alert to the world: the sky randomly turned dark today in São Paulo, and meteorologists believe its smoke from the fires burning *thousands* of kilometers away, in Rondônia or Paraguay. Imagine how much has to be burning to create that much smoke(!). SOS pic.twitter.com/P1DrCzQO6x
— Shannon Sims (@shannongsims) August 20, 2019
โครงการดาวเทียมสหภาพยุโรป Copernicus เผยภาพแผนที่แสดงจุดไฟป่าที่กำลังลุกลามตลอดแนวฝั่งแอตแลนติกของบราซิล ขณะที่ควันหนาทึบปกคลุมหลายเมืองครอบคลุมพื้นที่ครึ่งหนึ่งของประเทศ รวมถึงนครเซาเปาโล ที่อยู่ไกลออกไป 2,735 กม. ภาพถ่ายจากเมืองแสดงให้เห็นท้องฟ้ายามบ่ายกลายเป็นมืดหม่น เพราะควันและเถ้าจากไฟป่า ซึ่งยังลามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เปรู โบลิเวียและปารากวัยด้วย
แม่น้ำแอมะซอน ไหลผ่านหลายประเทศในอเมริกาใต้ แต่ส่วนใหญ่ราว 2 ใน 3 ของผืนป่า อยู่ในบราซิล
ชาวสื่อสังคมออนไลน์พากันติดแทก #PrayForAmazonia ด้วยความสะเทือนใจกับชะตากรรมปอดของโลก จนเป็นหัวข้อยอดนิยม โดยผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากระบุว่า ไฟป่าบราซิลรอบใหญ่คราวนี้เกิดขึ้นมาร่วม 15 วันแล้วแต่เพิ่งเป็นข่าวได้อย่างไร
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กล่าวโทษประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลซานาโร ที่ผ่อนปรนมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อม และให้ท้ายการตัดไม้ทำลายป่า นโยบายของเขาเป็นประเด็นวิจารณ์มาตั้งแต่หาเสียงแล้ว ด้วยคำสัญญาว่าจะกอบกู้เศรษฐกิจด้วยการสำรวจศักยภาพทางเศรษฐกิจของป่าแอมะซอน และลดงบประมาณที่ใช้ในการดูแลรักษาป่า
นอกจากนี้ ไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผู้อำนวยการหน่วยงานจับตาป่าแอมะซอน เพิ่งถูกปลด หลังขัดกับผู้นำประเทศ ด้วยการยืนยันข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเผยการทำลายป่าในเดือนมิ.ย.พุ่ง 88% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า แต่โบลซานาโรบอกว่าผลศึกษานี้โกหกทั้งเพ ล่าสุด ยังออกมาโต้เมื่อวาน ( 21 ส.ค.) ด้วยการกล่าวหาแบบไม่มีหลักฐานว่า ไฟป่าในแอมะซอน อาจเกิดจากพวกเอ็นจีโอที่กำลังตกที่อยู่ที่นั่งลำบากหลังขาดเงินทุน พวกเขากำลังก่ออาชญากรรมเพื่อดึงความสนใจประชาคมโลกให้ต่อต้านเขาและรัฐบาลของเขา และว่านี่คือสงครามที่เรากำลังเผชิญอยู่
กลุ่มอนุรักษ์และนักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม เตือนว่า ป่าฝนใหญ่สุดของโลกอาจกลายเป็นสภาพเป็นทุ่งสะวันนาห์แห้งแล้ง หากป่าแอมะซอนถูกทำลายจนถึงจุดที่ไม่มีวันหวนคืน เมื่อนั้นสัตว์ป่าก็จะไม่มีแหล่งอาศัย และแทนที่จะเป็นแหล่งออกซิเจน ก็จะเริ่มปล่อยคาร์บอน ตัวการใหญ่ของสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง