จีนเตือนบริษัทไฮเทคเจอผลตามมาหากร่วมแบนกับทรัมป์ 

นิวยอร์กไทมส์ สื่อสหรัฐรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทางการจีนได้เชิญผู้บริหารจากบริษัทเทคโนโลยีอเมริกัน อาทิ เดลล์ และไมโครซอฟต์ กับซัมซุง จากเกาหลีใต้ ประชุม เพื่อเตือนว่าพวกเขาอาจเผชิญผลตามมาร้ายแรงหากร่วมมือกับรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการไม่ขายเทคโนโลยีอเมริกันให้แก่บริษัทจีน 

การประชุมที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคารและพุธ มีขึ้นหลังจากรัฐบาลปักกิ่งระบุว่า กำลังรวบรวมรายชื่อบริษัทและบุคคลต่างชาติที่เชื่อถือไม่ได้ เพราะมีพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขั้น ซึ่งมองกันว่าเป็นวิธีการที่จีนเตรียมใช้ตอบโต้มาตรการห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับหัวเว่ย โดยกล่าวหาว่ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีจีน ขโมยความลับการค้าและสอดแนมในนามรัฐบาลปักกิ่ง 

นแจ้งว่า การปิดกั้นบริษัทจีนซื้อสินค้าเทคโนโลยีจากบริษัทอเมริกัน ตามนโยบายรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบห่วงโซ่การผลิตทั่วโลก และหากบริษัทดำเนินรอยตามนโยบายนั้น อาจเผชิญผลกระทบตามมาแบบถาวร 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จีน ยังขอให้บริษัทเหล่านั้นลอบบี้รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ ยับยั้งการปิดกั้นทางการค้า ส่วนบริษัทอื่นที่ไม่ใช่บริษัทสหรัฐ จะไม่ได้รับผลกระทบใด ตราบใดที่ยังดำเนินธุรกิจกับบริษัทจีนไปตามปกติ 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กประกาศปฏิบัติตามนโยบายแซงชันหัวเว่ยของรัฐบาลวอชิงตัน ด้วยการไม่ให้หัวเว่ยติดตั้งแอปพลิเคชันบนมือถือ ยิ่งทำให้ผู้จำหน่ายสมาร์ตโฟนอันดับสองของโลก โดดเดี่ยวมากขึ้นอีก หลังจากกูเกิลประกาศเลิกทำธุรกิจกับยักษ์เทคโนโลยีแดนมังกรเจ้านี้แบบเดียวกันเมื่อเดือนพฤษภาคม อินเทลและควอลคอมม์ ก็ยุติการทำธุรกิจของหัวเว่ยเช่นกัน 

นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า จีนเป็นซับพลายเออร์วัตถุดิบและส่วนประกอบที่ใช้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีรายใหญ่สุดประเทศหนึ่งของโลก และเป็นที่ัตั้งฐานผลิตสินค้ามากมาย (อาทิ ไอโฟน ) ให้กับบริษัทต่างชาติ การลงโทษจากจีนที่อาจทำให้ห่วงโซ่การผลิตขัดข้องอย่างถาวร อาจหมายถึงหายนะ  กระนั้น บริษัทสหรัฐมีแนวโน้มจะไม่เลือกฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขของจีน