ที่มาเลเซีย กำลังมีประเด็นถกเถียงโศกนาฏกรรมนักเรียนหญิงวัย 16 ปี ในซาราวัค กระโดดตึก หลังทำโพลล์บนอินสตาแกรม
ก่อนหน้าตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 3 ของอาคารแห่งหนึ่ง ในเมืองคูชิง รัฐซาราวัคเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ( 13 พ.ค.) วัยรุ่นหญิงมาเลเซียรายนี้ โพสต์อินสตาแกรมเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ทำผลสำสำรวจพาดหัวว่า “สำคัญมาก ช่วยเลือก D/L" ซึ่งเพื่อนของเธอเชื่อว่า D คือ death ตาย และ L คือ live อยู่
ผลปรากฎว่า 69% เลือกอย่างหลัง แค่ 31% เลือกให้อยู่ นอกจากอินสตาแกรมแล้ว เธอยังโพสต์เฟซบุ๊กในทำนองว่าเบื่อหน่าย ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
เวลาประมาณ 20.00 น. พี่ชายกับแม่ที่กลับจากไปรับประทานอาหารค่ำนอกบ้าน พบร่างของเธอบนถนนข้างอาคารที่เธอใช้จบชีวิต
ประเด็นหนึ่งที่ถูกจุดขึ้นมาจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คือคนที่โหวตให้เธอตาย ควรมีความผิดฐานยุยงการฆ่าตัวตายหรือไม่
รัมคาร์พัล ซิงห์ ทนายความและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐปีนัง กล่าวว่า เร็วเกินไปที่จะฟันธงสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่เนื่องจากความพยายามฆ่าตัวตายถือเป็นความผิดในประเทศนี้ การยุยงส่งเสริมให้พยายามฆ่าตัวตายก็น่าจะเป็นความผิดเช่นกัน แต่ชาวเน็ตมีผลต่อการตัดสินใจฆ่าตัวตายจริงๆหรือไม่ยังเป็นคำถาม เช่น เธอจะยังมีชีวิตอยู่ ณ วันนี้หรือไม่หากชาวเน็ตส่วนใหญ่บนอินสตาแกรม ไม่ยุส่งให้เธอจบชีวิตตนเอง หรือเธอจะเชื่อฟังคำแนะนำของชาวเน็ต ที่ให้ขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพหากผลโพลล์ออกมาตรงกันข้ามหรือไม่
มีรายงานไม่ยืนยันว่าเหยื่อผิดหวังเรื่องภายในครอบครัว
ด้าน ไซเอ็ด ซัดดิก ไซเอ็ด อับดุล เราะห์มาน รัฐมนตรีกีฬาและเยาวชนมาเลเซีย กล่าวว่า โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ตอกย้ำความจำเป็นที่จะต้องหารือสุขภาพจิตเยาวชนในระดับชาติ
เดอะ สตาร์ อ้างความเห็นของ Lee Lam Thye ประธานสมาคมจิตวิทยามาเลเซีย ที่แนะว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพัฒนาระบบบแจ้งเตือนกรณีมีการโพสต์เกี่ยวข้องกับความคิดฆ่าตัวตายบนสื่อสังคมออนไลน์
ในกรณีล่าสุด เห็นได้ชัดว่า มีเวลา 5 ชั่วโมงนับจากวัยรุ่นหญิงโพสต์ข้อความส่อฆ่าตัวตายจนถึงลงมือจริง แต่ไม่มีระบบแจ้งเตือนใดที่อาจช่วยระงับเหตุได้เลย สำหรับเยาวชน ความไม่มั่นคงทางจิตใจอาจทำให้เนื้อหาออนไลน์เข้ามามีอิทธิพลได้ง่าย ทั้งจากเกมและสื่อสังคมออนไลน์ ยิ่งคนที่มีปัญหาทางอารมณ์อยู่ก่อนแล้ว จะยิ่งเปราะบาง จำเป็นต้องทราบตัวและให้ความช่วยเหลือแต่เนิ่นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง