น.ร.ต้านวัคซีนที่ยื่นฟ้องร.ร.หลังถูกแบนล่าสุดป่วยอีสุกอีใส

 
เจโรม คุนเคล นักเรียนมัธยมปลายในรัฐเคนตักกี สหรัฐอมเริกา ที่เคยเป็นข่าวพาดหัวเมื่อเดือนมีนาคม เมื่อครั้งยื่นฟ้องโรงเรียน Our Lady of the Sacred Heart Assumption Academy  กรณีออกคำสั่งห้ามนักเรียนไม่ฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสเข้าห้องเรียนและทำกิจกรรม หลังโรคนี้ระบาด ทำให้นักเรียนป่วยอย่างน้อย 32 คน 

คุนเคลก็เป็นคนหนึ่งที่ปฏิเสธฉีดวัคซีน เพราะความเชื่อทางศาสนา  ในคำฟ้องระบุว่า วัคซีนเป็นสิ่งขัดศีลธรรม ผิดกฎหมายและเป็นบาป  และเขาถูกละเมิดสิทธิ์จากโรงเรียน  

ล่าสุด นักเรียนคนเดิมกลับมาเป็นข่าวอีก เมื่อ คริสโตเฟอร์ วีสต์ ทนายของเขาเปิดเผยว่าลูกความวัย 18 ป่วยเป็นอีสุกอีใส โดยเริ่มมีอาการเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และหวังว่าจะดีขึ้นในสัปดาห์หน้า 

ทนายกล่าวว่า คุนเคลและครอบครัว ไม่เสียใจที่ไม่ฉีดวัคซีน เพราะว่านี่คือความเชื่อทางศาสนาอย่างลึกซึ้งและยึดถืออย่างความซื่อสัตย์ พวกเขายอมรับความเสี่ยงและไม่มีปัญหากับสิ่งที่ต่างมา 

ชาวแคทอลิกอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว รวมถึงพ่อของนักเรียนชายรายนี้  ต่อต้านวัคซีนอีสุกอีใส เพราะไวรัสที่ใช้พัฒนาวัคซีน ได้จากเซลล์ตัวอ่อนมนุษย์สองคนที่ทำแท้งในช่วงคริสต์ทศวรษที่ 1960 แต่ผู้ผลิตและหน่วยงานสาธารณสุขยืนยันว่าปัจจุบันไม่มีเซลล์มนุษย์มาเกี่ยวข้องกับการผลิตแล้ว 

แต่เมื่อคุนเคลผ่านการเป็นอีสุกอีใสแล้ว ก็ถือว่าร่างกายมีภูมิคุ้มกัน เขาหวังว่าจะได้กลับไปเรียนและเล่นบาสเกตบอลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 15 มีนาคม 

วีสต์ กล่าวว่า นับจากยื่นฟ้องให้กับคุนเคลและเด็กคนอื่น  มีลูกความของเขาครึ่งหนึ่งติดอีสุกอีใส และเขาได้แนะนำพ่อแม่พวกเขาว่าการให้ลูกเป็นโรคนี้เร็วที่สุด คือทางออกของปัญหา เนื่องจากจะกลายเป็นภูมิต้านทาน  

สำนักงานสาธารณสุขของรัฐ ออกแถลงการณ์ตำหนิคำแนะนำของทนายความว่าน่าตกใจและน่าผิดหวัง  แม้เป็นวิธีสร้างภูมิคุ้มกันอีสุกอีใสในอนาคตได้ แต่คนที่ติดเชื้ออาจแพร่ไวรัสไปยังผู้อื่นที่ไม่รู้ตัว รวมถึงคนกลุ่มเสี่ยงที่อาจติดเชื้อแล้วเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ 

รัฐเคนตักกี กำหนดให้เด็กวัยอนุบาล ต้องฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส แต่พ่อแม่อาจขอให้ละเว้นได้ด้วยเหตุผลทางศาสนา หรือมีหลักฐานว่าเด็กเคยเป็นมาก่อนแล้ว