"ทรัมป์"ต้องการให้สหรัฐรับรองที่ราบสูงโกลันเป็นของอิสราเอล 

 

“ผ่านมา 52 ปีแล้ว ถึงเวลาสหรัฐรับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือที่ราบสูงโกลัน” จู่ๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ก็ทวิตถึงดินแดนที่เป็นกรณีพิพาทที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และกลับลำนโยบายที่ใช้มานานหลายสิบปี อีกทั้งละเมิดมติสหประชาชาติ 

 

ที่ราบสูงโกลัน จุดยุทธศาสตร์ที่อิสราเอลยึดจากซีเรียก่อนผนวกเป็นดินแดนโดยประชาคมโลกไม่ยอมรับ แต่ทรัมป์ระบุว่ามีความสำคัญด้านความมั่นคงและทางยุทธศาสตร์อย่างมากต่อเสถียรภาพของอิสราเอลและภูมิภาค 

 

บนที่ราบสูงแห่งนี้ มีชาวอิสราเอลอาศัยราว 2 หมื่นคน 

การประกาศอย่างกะทันหันของทรัมป์ สร้างความยินดีแก่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่กำลังเผชิญศึกหนักเลือกตั้งและกำลังจะไปเยือนวอชิงตันในสัปดาห์หน้า 

 

เนทันยาฮู ทวิตขอบคุณทรัมป์ ว่า ขณะที่อิหร่านพยายามจะใช้ซีเรียเป็นฐานทำลายอิสราเอล แต่ทรัมป์รับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือที่ราบสูงโกลันอย่างกล้าหาญ 

ขณะที่ลีออน พาเนตตา อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) และอดีตรัฐมนตรีกลาโหม โจมตีว่าทรัมป์ทวิตอีกนโยบายที่พันธมิตรนานาชาติไม่เอาด้วย 

 

 

การรับรองที่ราบสูงโกลัน เป็นระเบิดการทูตลูกล่าสุดของวอชิงตัน ที่พยายามลากเส้นแผนที่ตะวันออกกลางใหม่ โดยมีผู้สนับสนุนหลักอย่างอิสราเอล หลังประกาศรับรองเยรูซาเลม เป็นเมืองหลวงอิสราเอล ในปี 2560 

สัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงต่างประเทศ เปลี่ยนคำบรรยายที่ราบสูงโกลัน จากดินแดนถูกยึดครอง เป็น ดินแดนที่อิสราเอลควบคุม ส่วนเวสต์แบงค์กับกาซา ดินแดนปาเลสไตน์  ก็ถูกระบุว่าเป็น ดินแดนที่รัฐยิว “ยึดครอง” 

อิสราเอลยึดที่ราบสูงโกลัน เวสต์แบงค์ ตะวันออกของเยรูซาเลม และฉนวนกาซา ในสงคราม 6 วันปี 2510 ต่อมาผนวกทั้งที่ราบสูงโกลัน และ เยรูซาเลมตะวันออก เป็นดินแดนของตนเอง 

ทรัมป์ประกาศจุดยืนเรื่องอ่อนไหว ในจังหวะเดียวกับที่ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศไปเยือนเยรูซาเลม กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอเมริกันที่ไปเยือนกำแพงตะวันตก เคียงคู่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และก่อนเปิดทำเนียบขาวต้อนรับเนทันยาฮูในสัปดาห์หน้า ระหว่างที่ผู้นำอิสราเอลเดินทางไปร่วมประชุมประจำปีคณะกรรมการอเมริกันอิสราเอล ซึ่งเป็นกลุ่มลอบบี้หนุนอิสราเอล 

ทั้งหมดนี้ถูกมองว่าเพื่อช่วยส่งเสริมเนทันยาฮูในศึกเลือกตั้ง ขณะที่เขาเองก็กำลังถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริต 

รอเบิร์ต มัลเลย์ ประธานกลุ่มที่ปรึกษา ไครซิส กรุ๊ป กล่าวว่า การตัดสินใจของทรัมป์ เป็นเรื่องการเมือง ไม่คำนึงกฎหมายระหว่างประเทศ