มรสุมสองด้านของเฟซบุ๊ก ล่มยาว-โดนสอบอาญา  

ทวิตเตอร์ กลายเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้าไปบ่นและระบายความอึดอัด หลังไม่สามารถใช้งานสื่อสงคมออนไลน์เบอร์หนึ่งโลกได้ เป็นเวลาหลายชั่วโมงในหลายภูมิภาคของโลก กระทั่งเฟซบุ๊กเองก็ต้องมาแจ้งข่าวในช่องทางนี้ว่ากำลังพยายามแก้ไขโดยเร็วที่สุด 

เวบไซต์ downdetector  ที่เกาะติดปัญหาการเข้าเวบไซต์ต่างๆ แจ้งเมื่อเย็นวานว่า บริการของเฟซบุ๊กมีปัญหาขัดข้องในออสเตรเลีย เอเชีย อเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ ( แผนที่แสดงพื้นที่ที่เฟซบุ๊กมีปัญหา  https://downdetector.com/status/facebook/map/ ) 

ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง บ่นผ่านเวบไซต์ว่าไม่เคยเจอเฟซบุ๊กล่มนานแบบนี้มาก่อนเลย อีกคนโอดครวญว่า 11 ชั่วโมงแล้วและปัญหาล่มทั่วโลกยังดำเนินต่อไป 

ใช่แต่เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเมสเซนเจอร์ บริการในเครือก็ไม่ต่างกัน ในบางช่วงและบางพื้นที่ สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้บ้าง แต่ไม่สามารถโพสต์ หรือจัดการหลายๆอย่างได้ 

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายคน เชื่อไปในทางเดียวกันว่า เป็นการล่มครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของเฟซบุ๊ก โดยยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ

เมื่อครั้งเฟซบุ๊กล่มในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว  บริษัทแจ้งว่าปัญหาเกิดจากเซิร์ฟเวอร์  ส่วนการล่มเมื่อเดือนกันยายน เฟซบุ๊ก ระบุว่าเป็นปัญหาด้านเครือข่าย ส่วนคราวนี้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากแคลิฟอร์เนีย ที่มีผู้ใช้บริการกว่า 2,000 ล้านคน ยืนยันว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากการโจมตีเครือข่าย จากนั้นก็ไม่มีการแจ้งคืบหน้าใดๆอีก 

อีกด้าน หนึ่ง นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า อัยการสหรัฐเริ่มเปิดสอบสวนเอาผิดทางอาญาต่อเฟซบุ๊ก กรณีแชร์ข้อมูลของผู้ใช้กับบริษัทต่างๆโดยไม่แจ้งให้สมาชิกทราบ  ไม่ทราบแน่ชัดว่าการสอบสวนเริ่มขึ้นเมื่อใด และอะไรคือประเด็นที่อัยการให้ความสนใจ  แต่ล่าสุด คณะลูกขุนในนิวยอร์ก ออกหมายเรียกข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอปุกรณ์รายใหญ่อย่างน้อย 2 แห่ง เพื่อดูข้อตกลงที่ทำกับเฟซบุ๊ก 

บริษัทสองแห่งเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทกว่า 150 แห่ง รวมถึง แอมะซอน แอปเปิล ไมโครซอฟต์ และโซนี ที่ทำข้อตกลงกับยักษ์ใหญ่สื่อสังคมออนไลน์ ข้อตกลงที่ว่านี้อนุญาตให้บริษัทมองเห็นเพื่อนของผู้ใช้ ข้อมูลการติดต่อ และข้อมูลอื่นๆ โดยไม่ต้องขอความยินยอม 

ปัจจุบัน หน่วยงานคุมกฎ ทีมสอบสวนและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเลือกตั้งในสหรัฐและอีกหลายประเทศทั่วโลก กำลังขุดคุ้ยนโยบายการแชร์ข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊ก 2,000 ล้านคน ซึ่งเป็นประเด็นร้อนมาตั้งแต่บริษัทยอมรับว่า อนุญาตให้ เคมบริดจ์ อะนาไลติกา บริษัทที่ปรึกษาการเมืองที่รับงานจากโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งปี 2559  ใช่แอปพลิเคชันตัวหนึ่งช่วยเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้ 87 ล้านคนได้  แต่นับจากนั้นมา เฟซบุ๊กก็ออกมาตรการต่างๆคุมเข้มการจัดการข้อมูลแล้ว  รวมถึงการยกเลิกความเป็นหุ้นส่วนแชร์ข้อมูลส่วนใหญ่กับบริษัทภายนอก แต่การสอบสวนเอาผิดทางอาญากำลังดำเนินอยู่