ข่าว

มลพิษอากาศเพิ่มความเสี่ยงเบาหวานในจีน 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผลศึกษาใหม่ตอกย้ำการผจญฝุ่นพิษเป็นเวลานานในจีน มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงโรคเบาหวาน


จีนเป็นประเทศที่เผชิญกับโรคเบาหวานมากที่สุดในโลก ด้วยอัตราประชากรป่วยด้วยโรคนี้ราว 11% อ้างอิงผลศึกษาในปี 2550 

ขณะที่องค์การอนามันโลกประเมินว่า ฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเรื่องอาหารการกินกับการใช้ชีวิต  และวิกฤติมลพิษทางอากาศ ทำให้จีนมีอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรปีละกว่า 1 ล้านคน


 
ล่าสุด องค์กรสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เผยผลศึกษาของนักวิจัยจากโรงพยาบาล ฝูเว่ย ในกรุงปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยเอมโมรี ในสหรัฐ  ว่าความเสี่ยงเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น 16 % หากได้รับฝุ่นละออง พีเอ็ม 2.5 เพิ่ม 10 ไมโครกรัมลูกบาศก์เมตรในระยะยาว  


หลู เซียงเฟิง หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า การปรับปรุงคุณภาพอากาศจะช่วยลดอัตราโรคเบาหวานในจีนได้

 
ทั้งนี้ นักวิจัยรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 8.8 หมื่นรายใน 15 มณฑลที่เผชิญเผชิญมลพิษอากาศพีเอ็ม 2.5 จากข้อมูลดาวเทียมช่วงปี 2547 ถึง 2518 


พีเอ็ม 2.5 ซึ่งประกอบด้วยสารพิษหลายอย่าง อาทิ ซัลเฟต และแบล็คคาร์บอน  สามารถผ่านทะลุลงไปในปอด หรือระบบหัวใจและหลอดเลือด  มีความเกี่ยวข้องกับอัตราการป่วยเป็นมะเร็งปอด หลอดลมอักเสบและโรคหัวใจ 


ก่อนหน้านี้ มีผลศึกษาทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป ฮ่องกงและไต้หวันที่ชี้ไปในทางเดียวกันว่า มลพิษทางอากาศกับโรคเบาหวานเกี่ยวข้องกัน แต่ครั้งนี้เป็นการวิจัยครั้งใหญ่สุดในจีน  

ทีมวิจัยนำปัจจัยหลายอ เช่น อายุ น้ำหนัก การสูบบุหรี่ ประวัติการป่วยเป็นเบาหวานในครอบครัว และกิจกรรมเกี่ยวข้องกับงาน มาประกอบ แต่ยังขาดนิสัยการรับประทานอาหารกับมลพิษอื่นมาประกอบ 

 
โฮ คิน เฟย ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยไชนีส ในฮ่องกง ที่ศึกษามลพิษทางอากาศเช่นกันแต่ไม่ได้อยู่ในทีมวิจัยชุดนี้ กล่าวว่า ไม่อาจมองข้ามได้ว่า มลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งของเบาหวานที่พบมากขึ้น แต่นักวิทยาศาสตร์ยังต้องหาหลักฐานอธิบายการทำงานของ พีเอ็ม 2.5 ในร่ายกายมนุษย์ ว่าทำให้ความเสี่ยงเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างไร เพราะผลศึกษาชิ้นนี้ก็ไม่ได้รวมปัจจัยอื่นในสภาพแวดล้อมเข้าไว้ในการพิจารณา


เบาหวานเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง องค์การอนามัยโลกประเมินว่า โรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลก 1.6 ล้านคนในปี 2559  
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ