มาเลเซียสกัดหวุดหวิดงานแต่งเจ้าสาววัย 11 ชาวโรฮิงญา

หนังสือพิมพ์ เดอะ สตาร์ รายงานว่า เด็กหญิงชาวโรฮิงญาที่รัฐเคดะห์ ในมาเลเซียเกือบต้องแต่งงานในวัยเพียง 11 ปี กับเจ้าบ่าวที่อายุมากกว่า 10 ปี หากตำรวจไม่ไปเคาะประตูบ้าน ระหว่างกำลังเตรียมงานเลี้ยงแขกเหรื่อนับ 100 คน  

 

 

 

นายเค สุทาการัน สแตนลีย์ ซิงห์ ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้ไลฟ์บริดจ์ กล่าวว่า เด็กหญิงคนนี้ เป็นเด็กฉลาด ไปโรงเรียนสม่ำเสมอ เมื่อขาดเรียนไปหลายวัน ทางศูนย์สงสัยว่าอาจมีเรื่องผิดปกติ ก่อนมาทราบว่าเด็กหญิงกำลังจะต้องแต่งงานกับชายวัย 21 ปีในชุมชนเดียวกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา  

แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงหยุดยาวตรุษจีน จึงไม่สามารถติดต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) ในมาเลเซียได้ แต่สถานการณ์ไม่อาจรอได้แล้ว จึงขอพึ่งตำรวจให้เข้าแทรกแซง 

 

 

หากตำรวจไม่ได้ยื่นมือระงับทันเวลา การแต่งงานในเขตทามัน เซนันกิน รัฐเคดะห์ ก็คงจะเดินหน้าในวันนั้น 

รายงานระบุว่า พ่อของเด็กหญิงวัย 46 ปี ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้าง และกำลังประสบปัญหาการเงิน ยอมฟังคำแนะนำของตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านศาสนาที่ไปช่วยกันเกลี้ยกล่อม ตัดสินใจเลื่อนแต่งงานออกไปก่อนจนกว่าอายุเจ้าสาวจะถึงเกณฑ์ 

ตำรวจได้แจ้งยูเอ็นเอชซีอาร์มาเซีย สำนักงานศาสนารัฐปีนัง และสำนักงานสวัสดิการสังคมเพื่อสอดส่องกรณีนี้ต่อไป 

 

( ภาพ The Sun Daily  ) 

 

สุทาการัน ผู้ก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากเอ็นจีโอ กล่าวว่า เด็กหญิงเรียนที่นี่ 3 ปี จู่ๆขาดเรียนตั้งแต่เดือนมกราคม สำหรับครอบครัวของเธอ ไม่คิดว่าการแต่งงานแบบนี้เป็นเรื่องผิด แต่เจ้าหน้าที่โน้มน้าว โดยบอกว่าเป็นการแต่งงานที่ผิดกฎหมาย และไม่ได้รับความเห็นชอบตามกฎหมายอิสลาม 

อัตราการออกจากโรงเรียนกลางคันของนักเรียนหญิงโรฮิงญาอยู่ในระดับสูงมาก หรือ เกือบ 90% ที่เรียนไม่จบตอนอายุ 13 หรือ 14 ปี เหตุผลทั่วไปก็คือต้องทำงานช่วยครอบครัว แต่เชื่อว่าจำนวนหนึ่งออกไปแต่งงาน ส่วนเด็กชาย จะเลิกเรียนเมื่ออายุ 15-16 ปี ไปทำงานรับจ้างทั่วไป 

เวบไซต์ยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุว่า มีชาวโรฮิงญาลี้ภัยในมาเลเซีย ราว 88,880 คน เกือบ 1 ใน 4 อายุต่ำกว่า 18 ปี