รัฐบาลมาเลเซียพิจารณาความเป็นไปได้ตีกรอบเวลาการออกนอกบ้านของเยาวชนโดยไม่มีผู้ใหญ่ ป้องกันพวกเขาห่างไกลจากกิจกรรมและอิทธิพลทางลบ
การใช้มาตรการเคอร์ฟิว เพื่อปกป้องเยาวชนจากปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะยาเสพติด เป็นหนึ่งในประเด็นที่คณะกรรมการระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการขจัดยาเสพติด ที่มีรองนายกรัฐมนตรีวัน อาซิซะห์ อิสมาอิล เป็นประธาน เมื่อวาน ( 17 ม.ค.) หยิบยกมาหารือและเห็นพ้องกัน
นางวัน อาซิซะห์ กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาใช้เคอร์ฟิวกับเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ขณะสถิติชี้ว่า ปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะดมกาว เป็นหนึ่งในปัญหารุนแรง
มาเลเซียไม่ใช่ประเทศแรกที่จะบังคับใช้เคอร์ฟิวกับเยาวชน ไอซ์แลนด์มีนโยบายนี้มาก่อนแล้วและเป็นโมเดลที่มาเลเซียอาจนำมาปรับใช้ได้ แต่รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยอมรับว่าการปฏิบัติใช้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มีความจำเป็น เพราะจะช่วยป้องกันเยาวชนยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมไม่เหมาะสมได้อย่างแน่นอน
กฎหมายคุ้มครองเยาวชนของไอซ์แลนด์ ไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ออกนอกบ้านหลังเวลา 20.00 น. เว้นแต่จะไปกับผู้ใหญ่ ส่วนเด็กอายุ 13-16 ปีห้ามออกนอกบ้านหลัง 4 ทุ่มยกเว้นกำลังเดินทางจากกิจกรรมที่โรงเรียนจัด องค์กรกีฬา หรือชมรม กลับบ้าน ผู้ใดฝ่าฝืนเคอร์ฟิวจะถูกนำตัวไปสถานีตำรวจ รอพ่อแม่ไปรับกลับ
อย่างไรก็ดี กฎหมายไอซ์แลนด์ถูกตั้งคำถาม โดยเฉพาะประเด็นที่ขัดกับแนวทางป้องกันเยาวชนกระทำผิดกฎหมายของสหประชาชาติ และละเมิดสิทธิเด็ก
หนังสือพิมพ์ เดอะ สตาร์ จัดทำโพลล์พบว่าชาวมาเลเซียราว49% จากผู้ถูกร่วมสำรวจ 1,400 คน ไม่เห็นด้วย
ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งแสดงความเห็นบนเพจของเดอะ สตาร์ ว่า การห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลควรเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ อีกคนระบุว่าทางการไม่ควรหางานเพิ่ม ควรเป็นหน้าที่พ่อแม่จัดการ หากบุตรหลานยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่ดี นอกจากนี้ จำนวนมากแนะให้เพิ่มความพยายามด้านการศึกษาและสร้างการตระหนักรู้ มากกว่าจะไปออกกฎหมายเข้มงวดหรือตามอำเภอใจ และอีกส่วนก็วิจารณ์รัฐบาลว่าขาดแคลนไอเดีย
กระนั้น 34% ของผู้ร่วมสำรวจ คิดว่าเคอร์ฟิวก็เป็นความคิดที่ดี ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบอกว่า เห็นด้วยเต็มร้อย เด็กไม่มีธุระอะไรที่จะต้องออกไปเตร็ดเตร่หลัง 4 ทุ่ม
และ 17% คิดว่าเป็นแนวคิดที่ดี แต่เตือนว่าการปฏิบัติจริงยากจะเป็นไปได้ เช่น จะมีตำรวจมากพอรับมือหรือไม่ โดยเฉพาะทุกวันนี้ อาชญากรรมและปัญหาสังคมเพิ่มสูงขึ้นมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง