ผู้คนหลั่งไหลชุมนุมแน่นจตุรัสกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อแสดงพลังปกป้องสิทธิชาวมาเลย์
ชาวมาเลย์ราว 5 หมื่นคน ออกมาร่วมชุมนุมที่จตุรัสเมอร์เดกา ( เอกราช ) ในกรุงกัวลาเปอร์ในวันนี้ โดยเดิม นัดหมายเป็นการชุมนุมเพื่อต่อต้านการให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination - ICERD) แต่หลังจากนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ตัดสินใจไม่ลงนามเมื่อเดือนที่แล้ว การชุมนุมจึงเปลี่ยนเป็นการเฉลิมฉลอง และเพื่อแสดงพลังปกป้องสถานะของชาวมาเลย์และศาสนาอิสลามในสังคมมาเลเซีย
( อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค และภริยา นางรอสมาห์ มานซอร์ ก็ไปร่วมชุมนุม )
ถนนทุกสายที่มุ่งสู่จตุรัสกลางเมืองปิดการจราจรก่อนเริ่มชุมนุม คลื่นมหาชนในชุดขาวจากทุกสารทิศ ตะโกนสรรเสริญพระเจ้า และชาวมาเลย์จงเจริญ
แม้การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ จัดโดยกลุ่มประชาสังคมมาเลย์มุสลิม แต่ในทางพฤตินัย โต้โผใหญ่คือสองพรรคที่มีฐานเสียงหลักเป็นมุสลิมมาเลย์ อย่างพรรคปาส กับอัมโน
ปัจจุบัน ในองค์การที่ประชุมอิสลาม 57 ประเทศ เหลือแค่มาเลเซียกับบรูไนเท่านั้นที่ยังไม่ให้สัตยาบันอนุสัญญาที่มุ่งขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติให้หมดไป
เชื้อชาติและศาสนาเป็นประเด็นอ่อนไหวในมาเลเซีย โดยเฉพาะในยุคนี้ ชาวมุสลิมมาเลย์ ซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ รู้สึกไม่มั่นคง กับการอยู่ภายใต้รัฐบาลสายปฏิรูป ที่มีผู้แทนของชนส่วนน้อยมากกว่าเดิม และล่าสุดก็เกรงว่า อนุสัญญาฉบับนี้จะลิดรอนอภิสิทธิที่เคยมีเคยได้ภายใต้นโยบายให้สิทธิพิเศษแก่ภูมิบุตร หรือชนมาเลย์
อาริฟ ฮาชิม ผู้ประท้วงวัย 26 ปี กล่าวว่า “ผมหวังว่าชนกลุ่มอื่นจะไม่ท้าทายสิทธิของชาวมาเลย์ และในฐานะที่ผมเป็นมุสลิม ผมต้องการให้อิสลามคือความสำคัญอันดับหนึ่งในมาเลเซีย”
ชาวมาเลย์ ซึ่งมีสัดส่วน 60% ของประชากร 32 ล้านคน ได้รับความเกื้อหนุนจากทางการเป็นพิเศษมาเป็นเวลาหลายสิบปี รวมถึงด้านการเงิน ในยุคสร้างชาติ แต่นักวิจารณ์ระบุว่าถึงเวลาที่ระบบนี้ต้องปฏิรูป
ทางการนำนโยบายให้สิทธิพิเศษชาวมาเลย์มาใช้ หลังจากเกิดเหตุจลาจลระหว่างชาวมาเลย์กับชนเชื้อสายจีนในปี 2512 มีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 คน
กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ออกคำแนะนำให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางไม่จำเป็นไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ส่วนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก็โพสต์เฟซบุ๊ก ขอให้คนไทยที่อยู่ในมาเลเซียหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังจุตรัสเมอร์เดกา และบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากอาจไม่ได้รับความสะดวกจากสภาพการจราจร และสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการมีคนจำนวนมากไปร่วมเดินขบวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง