
อดีตคนสนิทเผยชีวิตหรูอู้ฟู่"เอลชาโป"-เคยมาซื้อยานรกในไทย
อดีตคนสนิทเบิกความในฐานะพยาน การพิจารณาคดี "เอลชาโป" เผยชีวิตอู้ฟู่จากกำไรยาเสพติดมหาศาล มีบ้านทุกรัฐในเม็กซิโก และครั้งหนึ่งเคยมาเจรจาซื้อเฮโรอีนในไทย
ในการพิจารณาคดี ฆัวกิน กุซมาน หรือ เอลชาโป หัวหน้าแก๊งยาเสพติด ซีนาลัวแห่งเม็กซิโก ที่ศาลในนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มิเกล อังเคล มาร์ติเนซ หรือ เอล กอร์โด อดีตคนสนิทของเจ้าพ่อค้ายาเสพติด ซึ่งอยู่ในโครงการคุ้มกันพยานของสหรัฐ ได้เข้าเบิกความเป็นวันที่สอง และได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเอล ชาโป ในช่วงที่ทำกำไรมหาศาลจากการค้ายาเสพติดผิดกฎหมายข้ามชาติ และกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรชื่อกระฉ่อนที่สุดในโลก
อ่านต่อ เอล ชาโป คือใคร
มาร์ติเนซ ซึ่งเป็นอดีตนักบินก่อนมาทำงานให้กับเอลชาโป กล่าวต่อคณะลูกขุนในศาลบรูกลิน ว่า ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 การลอบขนโคเคนโคลอมเบียเข้าสหรัฐ ซึ่งเป็นรายได้หลักของกุุซมาน เป็นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก
การส่งเข้าสหรัฐใช้สารพัดวิธีการ เช่น รถไฟขนน้ำมัน รถบรรทุกมีช่องลับ อุโมงค์ใต้ดินลอดชายแดน และซุกในฮาลาเปนโญ หรือพริกเม็กซิโกกระป๋อง
กำไรจากส่งยาเสพติดขายในสหรัฐ มากมายจนต้องใช้เครื่องบินส่วนตัวจากเมืองชายแดนในรัฐตีฆัวนา ขนไปยังเม็กซิโกซิตี และอัยการสหรัฐเชื่อว่าเขามีรายได้จากค้ายาเสพติดไม่ต่ำกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
ช่วงเวลานั้น กุซมานมีเครื่องบินเจ็ต 4 ลำ บ้านติดทะเลหลายหลัง ทุ่งปศุสัตว์ทุกรัฐในเม็กซิโก เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในเมืองตากอากาศอากาปุลโก ตก 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"เราเดินทางไปทั่วโลก ไปบราซิล อาร์เจนตินา เกาะอารูบา ทั่วยุโรป ญี่ปุ่น ฮ่องกง ประเทศไทย เปรู คิวบา โคลอมเบีย ปานามา บางครั้งเป็นการเดินทางเรื่องงาน หลายทริปเพื่อหาความสำราญ อย่างเล่นพนันในมาเก๊า”
มาร์ติเนซ ยังกล่าวถึงการเดินทางมาประเทศไทยคราวหนึ่ง เพื่อซื้อเฮโรอีนขาว ที่ขายกิโลกรัมละ 10,000 ดอลลาร์ เพื่อส่งไปเม็กซิโก และอาจนำไปขายต่อในตลาดนิวยอร์ก ราคาในขณะนั้นตกกิโลกรัมละ 1.3 แสนดอลลาร์ แต่แผนล้มเหลว นักขนยาเสพติดในไทยกับตัวแทนซื้อขายเฮโรอีนในนิวยอร์ก ราอุล ซานตานา ถูกจับเสียก่อน
การเดินทางทุกครั้งใช้เอกสารปลอมทั้งหมด ไม่ว่าหนังสือเดินทาง บัตรประจำตัว และแม้กระทั่งวีซ่าเข้าสหรัฐ พวกเขาปลอมแปงได้ด้วยเครื่องจักรที่ซื้อในสหรัฐและยุโรป
นอกจากนี้ มาร์ติเนซ ยังพูดอีกมุมที่ไม่มีใครรู้ เหตุที่กุซมานยังดูหนุ่มและผมสีดำเต็มศีรษะทัั้งที่อายุ 61 ปีแล้ว เพราะอดีตเคยไปใช้บริการปลูกเซลล์ที่คลินิกสวิตเซอร์แลนด์ให้ดูอ่อนเยาว์
กุซมาน มีบ้านอาณาบริเวณกว้างใหญ่ มีสระน้ำและสนามเทนนิส เลี้ยงเสือโคร่ง สิงโต เสือดำ และกวางในสวนสัตว์ที่บ้าน กว้างใหญ่ชนิดที่ว่าจะต้องใช้รถไฟขนาดเล็กในการเดินทางให้ทั่ว
( ปืนสั้น .38 ฝังเพชร ที่เอลชาโปพกติดตัว )
หากเป็นเรื่องของขวัญ เอลชาโปใจป้ำมาก รวมถึงการติดสินบนตำรวจ และทุ่มให้กับผู้หญิงที่เลี้ยงดูไว้ 4 หรือ 5 คน มีอยู่ปีหนึ่ง เขาได้รับมอบหมายไปให้ซื้อรถ 50 คัน ยี่ห้อ บิวอิคก์ คูการ์ และทันเดอร์เบิร์ด ราคาตกคันละ 35,000 ดอลลาร์ แจกคนงานในแก๊งซีนาลัว เป็นของขวัญคริสต์มาส
มาร์ติเนซอ้างว่า ตัวเขาองก็หาเงินได้ 3 ล้านดอลลาร์ชั่วเวลาไม่กี่ปีที่ทำงานให้กับกุซมาน และอดีตเจ้านายยังซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ฝังเพชรให้กับเขาด้วย
กุซมานซ่อนเงินสดหลายสิบล้านดอลลาร์ ในช่องลับที่ให้สถาปนิกออกแบบไว้ในบ้านหลายหลังที่ซื้อไว้เพื่อซ่อนเงินโดยเฉพาะ
งานหลักอย่างหนึ่งของมาร์ติเนซคือ รับเงิน นำไปแลก จ่าย และซื้ออสังหาริมทรัพย์ เขาจะลากกระเป๋าแซมโซไนต์ใส่เงินอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์ ไปฝากเข้าบัญชีในธนาคารในเม็กซิโกซิตี เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าเงินมาจากไหน มาร์ติเนซตอบว่า ส่งออกมะเขือเทศ หลังจากนั้น กุซมานติดสินบนพนักงานธนาคารเพื่อเปิดทางสะดวก
แต่เบื้องหลังความหรูหราฟุ้งเฟ้อ เอลชาโปต้องหวาดผวาอย่างสุดๆเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ติดสินบนเดือนละ 10 – 20 ล้านดอลลาร์ เพื่อป้องกันโดนจับ และติดเครื่องดักฟังแทบทุกคนรอบตัว ไม่เว้นผู้หญิง 4-5 คนของเขา
ตลอดการเบิกความเมื่อวันอังคาร กุซมานฟังอย่างตั้งใจ ไม่ละสายตาไปจากมาร์ติเนซสักขณะเดียว
ตอนหนึ่งอัยการถามว่า เคยได้ยินจำเลยสั่งฆ่าคนหรือไม่ มาร์ติเนซ ตอบว่าเคย และเขาเคยถามเอลชาโปเรื่องการฆ่าคน อดีตเจ้านายตอบง่ายๆว่า จะให้แม่ของนายร้องไห้ หรือแม่คนอื่นร้องไห้