สัปดาห์หน้าน่าจับตา จีนกับสหรัฐแข่งการทูตเชิงทหารรอบใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า จีนจะร่วมซ้อมรบทางทะเลกับมาเลเซียและไทย ในช่องแคบมะละกาเริ่มสุดสัปดาห์นี้ จากนั้น เจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเดินทางมาเยือนเวียดนามและสิงคโปร์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์
รายงานระบุว่า จีนจะส่งเรือพิฆาต และเรือฟรีเกต 3 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เครื่องบินลำเบียง Il-76จำนวน 3 ลำ และกำลังพล 692 นาย ร่วมปฏิบัติการซ้อมรบเป็นเวลา 9 วัน ใต้ชื่อเรียกขาน “สันติภาพและมิตรภาพ 2018”
การซ้อมรบจะเริ่มวันเสาร์นี้ นอกเมืองท่าพอร์ต คลาง และ พอร์ต ดิกคินสัน ในมาเลเซีย กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่าการซ้อมรบมีเป้าหมายแสดงออกถึงเจตนารมณ์กองทัพของสามประเทศ ในการดำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ กระชับความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนปฏิบัติได้ และเพิ่มศักยภาพในการตอบสนองภัยคุกคามความมั่นคงหลายรูปแบบ ไม่ได้มีเป้าหมายประเทศใดประเทศหนึ่ง
อย่างไรก็ดี การซ้อมรบจัดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ทวีความดุเดือดขึ้น รวมถึงการเข้าใกล้กันอย่างสุ่มเสี่ยงระหว่างเรือรบอเมริกันกับจีนในน่านน้ำใกล้เกาะสแปรตลีย์ ในทะเลจีนใต้เมื่อเดือนที่แล้ว
นับเป็นครั้งที่สอง ที่จีนเข้าร่วมซ้อบรบในช่องแคบมะละกา ที่เชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นทางเดินเรือสำคัญที่สุดในโลกเส้นทางหนึ่ง
ในช่วงเดียวกันนั้น เจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ก็มีกำหนดเยือนเวียดนามครั้งที่สองในปีนี้ ต่อด้วยร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ที่สิงคโปร์
สถานทูตสหรัฐประจำสิงคโปร์ระบุว่า การประชุมที่สิงคโปร์ เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ทางทหาร และจัดประชุมทวิภีกับไตรภาคีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศในภูมิภาค
โคลิน โก๊ะ ผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงทางทะเล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานยาง ประเทศสิงคโปร์ มองว่า สำหรับมาเลเซียกับไทย การซ้อมรบแสดงถึงการสร้างความเชื่อมั่นกับจีน และส่งสัญญาณว่าทั้งสองประเทศไม่เลือกข้างใดในการช่วงชิงระหว่างสองมหาอำนาจในทะเลจีนใต้ และพร้อมส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคกับทุกฝ่าย
ส่วนจีนก็ถือว่าการซ้อมรบเป็นบทพิสูจน์ว่า สามารถรักษาสันติภาพและเสถียรภาพกับประเทศอาเซียนได้ และใช้สนับสนุนเหตุผลที่จีนคัดค้านการแทรกแซงในทะเลจีนใต้จากภายนอก
ด้าน จาง เจี่ย ผู้เชี่ยวชาญทะเลจีนใต้จากสมาคมสังคมศาสตร์จีน กล่าวว่า การซ้อมรบช่วยให้จีนยกระดับความร่วมมือทางทหารกับอาเซียน ที่ถือว่าเป็นจุดอ่อนมานาน นอกจากนี้ ความสัมพันธ์มั่นคงระหว่างจีนกับอเซียน ยังมีความสำคัญต่อการผลักดันโครงการเส้นทางสายไหม และเพิ่มพลังอำนาจแก่จีนขณะกำลังแข่งขันกับสหรัฐในภูมิภาค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง