เรื่องราวความรัก มั่นคง ยืนยัง รักเดียวใจเดียวของรัฐบุรุษมาเลเซีย มหาธีร์ โมฮัมหมัด โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์
เสือเฒ่า มหาธีร์ โมฮัมหมัด ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าแรกขึ้นในแดนเสือเหลืองมาเลเซีย มิใช่แต่ในฐานะที่หวนกลับมาสวมหัวโขนนายกรัฐมนตรีอีกครั้งด้วยวัยย่าง 93 ปี
หากยังรื้อฟื้นคุณค่าเก่าๆ ของสังคมที่เหือดหายไปนาน เป็นสามีที่ซื่อสัตย์และมีรักมั่นในตัวภรรยาแต่เพียงผู้เดียว ทั้งๆ ที่ครองคู่กันมานานถึง 62 ปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประคองชีวิตคู่ให้ยืนยาวเช่นนี้ ขณะที่ พญ.สิตี ฮาสมาห์ โมฮัมหมัด อาลี วัย 92 ปี ก็ฟื้นบทบาทหลังบ้านที่ดีของนายกรัฐมนตรี ยินดีเป็นช้างเท้าหลังโดยไม่คิดเข้าไปวุ่นวายกับงานการเมืองของสามีแต่อย่างใด
ทำให้ชาวเมืองเสือเหลืองมาเลเซียต่างปลื้มปีติไปตามๆ กัน พากันยกย่องว่า เป็นคู่สามีภรรยาที่เป็นแบบอย่างอันดี อยู่ด้วยกันโดยความรักไม่เคยจืดจางมานานกว่า 6 ทศวรรษ หลังจากต้องจำใจทนมานานร่วม 10 ปี กับภาพของนาจิบ ราซัค อดีตนายกฯ ซึ่งกลัวนางรอสมาห์ มันซูร์ ภริยาจนหงอ ยอมให้เข้ามาวุ่นวายกับการเมืองและบงการชีวิต กระทั่งได้รับฉายาลับหลังว่าเป็นนายกฯ ช้างเท้าหลัง
แม้ภาพของเสือเฒ่ามหาธีร์จะเป็นคนดุ เข้มงวดและมีวินัยสูง กระทั่งเคยถูกประณามว่าปกครองประเทศด้วยกำปั้นเหล็กมาก่อน แต่ภาพที่แขวนในบ้านและตั้งอยู่ในห้องทำงาน แม้กระทั่งภาพในโซเชียลมีเดีย กลับเป็นภาพของคนรักครอบครัว โดยเฉพาะภาพคู่ของทั้ง 2 คนที่อยู่ด้วยกันตลอดแม้กระทั่งในยามหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่ต่างมีอายุกว่า 90 ปีแล้วก็ตาม
“ฉันก็แค่ไปไหนมาไหนกับเขา อยู่กับเขา และฉันก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันจะช่วยเขาได้มากที่สุดไม่ใช่การเมือง แต่เป็นการสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คอยดูว่าเขาแข็งแรงหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องทำ” คู่ชีวิตเพียงหนึ่งเดียวของมหาธีร์มานานกว่า 60 ปีให้ความเห็น
ตอนที่มหาธีร์ยอมล้างมือในอ่างทองคำเมื่อปี 2546 หลังจากบริหารประเทศมานาน 22 ปี เธอคิดว่าพวกเขาจะกลับมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอย่างสงบสุขและมีเวลาอยู่กับลูกๆ ทั้ง 7 คน ในจำนวนนี้เป็นลูกแท้ๆ 4 คน ลูกบุญธรรมอีก 3 คน หลานอีก 18 คน และเหลนอีก 1 คน
แต่การเกษียณจากการเมืองด้วยความสมัครใจของมหาธีร์ก็มีอันสิ้นสุดลงเมื่อปีที่แล้ว เมื่อเจ้าตัวตัดสินใจจะหวนกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง หมายจะสั่งสอนศิษย์นอกคอก นาจิบ ราซัค
“บอกตรงๆ เขาไม่เคยบอกอะไรให้ฉันรู้มาก่อนหน้า ไม่ว่าจะตอนวางมือจากการเมืองหรืออยากจะกลับไปเล่นการเมืองใหม่ เขาไม่เคยบอกอะไรฉันเลย...ฉันแค่เดินตามหลังเขาไปประชุมที่โน่นที่นี่แล้วค่อยๆ รู้เองว่าเขากลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง...บทบาทของฉันก็แค่เป็นภรรยาของเขา ไม่ว่าจะมีความคิดอย่างไร ฉันก็จะไม่ไปขัดแย้ง ไม่ไปประชันขันแข่งกับเขา คอยเดินตามหลังเขา อยู่เคียงข้างเขาและคอยสนับสนุนเขา”
แม้จะครองคู่มากว่า 60 ปี แต่สิตี ฮาสมาห์ ยอมรับว่าเหมือนสามีภรรยาคู่อื่นที่มีเรื่องทะเลาะกันบ้าง “เขามักจะบ่นว่าฉันทำอะไรโอ้เอ้ชักช้ามาก กว่าจะไปงานได้แต่ละครั้ง ฉันเป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งตัวให้ดูดี ทั้งลิปสติก ทั้งเสื้อผ้าและกระเป๋าต้องเข้ากันกับรองเท้า แต่เขาเป็นคนที่มีวินัยมาก ทุกคืนจะเตรียมเสื้อผ้าและรองเท้าให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
“นอกจากนี้ในฐานะแม่บ้าน ก่อนจะออกจากบ้าน ก็มีเรื่องจุกจิกให้ทำโน่นทำนี่ โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ต้องแน่ใจว่าไม่ลืมปิดไฟทุกห้องก่อนจะออกจากบ้าน ฉันมักจะถูกดุเป็นประจำ แล้วเขาก็หงุดหงิดจนไม่อยากจะพบใคร แต่ฉันรู้ตัวว่าทำผิดแล้วก็เลยคุยกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาความล่าช้าของฉัน ฉันก็เลยให้เขาเป็นคนปิดไฟเอง”
ที่น่าสนใจก็คือมหาธีร์ก็มีวิธีแก้ไขปัญหาตามแบบฉบับของตัวเอง “ปกติผมเป็นคนต้องตรงต่อเวลาที่สุด เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจผู้หญิง ทั้งสีลิปสติกทั้งสีกระเป๋าจะต้องเข้ากันกับรองเท้า...เพราะเธอเป็นคนที่ทำอะไรช้ามาก ผมเลยต้องนั่งในห้องแต่งตัว คอยช่วยหาของให้ว่าเธอต้องการอะไร ตั้งแต่รองเท้าไปจนถึงเครื่องประดับและกระเป๋า เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะแต่งตัวเสร็จเร็วขึ้น”
ขณะที่คนรุ่นใหม่มีปัญหาหย่าร้างมากขึ้น มหาธีร์ยอมรับกว่ารู้สึกเศร้าใจกับสภาพการณ์อย่างนี้ สำหรับตัวเองแล้วการหย่าร้างจะทำให้ครอบครัวแตกแยกและสร้างความเจ็บปวดแก่ลูกๆ
“เมื่อเราสร้างครอบครัวใหม่และมีลูก เราจะต้องเข้าใจเองว่าเรามีภาระต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ถ้าเรามีสำนึกในเรื่องของความรับผิดชอบ เราจะได้คิดเวลามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ใช่คิดแต่จะหย่าลูกเดียว เป็นเรื่องเศร้ามากที่เห็นผู้หญิงไม่ใช่น้อยต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ผมโตมากับครอบครัวคนหัวเก่า สำหรับพวกเราแล้ว เราจะมีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น พ่อของผมแต่งงาน 2 ครั้ง แต่พ่อแต่งงานใหม่หลังจากแม่ของผมซึ่งเป็นภรรยาคนแรกเสียชีวิตแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือเราจำเป็นต้องมีความอดทนและไม่คาดหวังว่าคู่ชีวิตของเราจะเป็นไปแบบที่เราคิด ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องเตรียมใจให้พร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นอยู่”
มหาธีร์ยังแนะนำเคล็ดลับการครองเรือนว่าไม่ควรปล่อยให้ปัญหาจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ มาเป็นสาเหตุการหย่าร้าง เพราะจะมีผลกระทบกับลูกๆ สิ่งที่คู่สามีภรรยาพึงจะทำก็คือการเชื่อมั่นว่าตัวเองมีค่ากับอีกคนหนึ่งและต้องทำอะไรด้วยกันเสมอ
เคล็ดลับการครองเรือนของมหาธีร์ก็ตรงกับของ สิตี ฮาสมาห์ ที่ย้ำหลายครั้งว่า “เราจะต้องเชื่อใจและเคารพในกันและกัน จะต้องอดทน ไม่เข้าไปก้าวก่ายงานของอีกคน คุณจะต้องไม่รู้สึกหึงหวงโดยไม่มีเหตุผล สิ่งที่สำคัญก็คือต้องพยายามหาเวลาอยู่กับเขาและลูกๆ อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา"
ฮาสมาห์เผยว่า แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยหึงหวงมหาธีร์ ซึ่งมีแฟนคลับจำนวนมากทั้งหญิงและชาย แม้กระทั่งตอนที่เป็นคู่รักระหว่างเรียนด้วยกันที่คณะแพทยศาสตร์ คิงเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ที่สิงคโปร์ เมื่อปี 2490 ซึ่งต่อมาภายหลังได้รวมเข้ากับวิทยาลัยราฟเฟิลส์ กลายเป็นมหาวิทยาลัยมาเลเซีย
"ฉันเชื่อใจเขาและเขาก็เชื่อใจฉัน” นี่คือเคล็ดลับพิชิตความหึง
ตรงกันข้ามกับมหาธีร์ที่ยอมรับว่าสมัยหนุ่มๆ เคยรู้สึกหึงหวงเธอตอนที่เธอพูดคุยกับเพื่อนชายคนอื่นๆ “ผมยอมรับบางครั้งรู้สึกหึงหวงตอนที่เธอพูดกับผู้ชายคนอื่น” มหาธีร์เคยเปิดปากเล่าถึงเลิฟสตอรี่กับฮาสมาห์ พร้อมกับเท้าความว่าไม่ใช่รักแรกพบ แต่ค่อยๆ พัฒนาความรู้จัก กระทั่งกลายเป็นคู่หูระหว่างเรียนด้วยกัน แล้วก็กลายเป็นความรัก
ฮาสมาห์ยังให้ข้อคิดว่าการครองคู่นั้นหมายถึงฝ่ายหนึ่งต้องรู้จัก “เงียบ” เมื่อมีความเห็นไม่เหมือนกันหรือยามอารมณ์ไม่ดี “ตอนที่เขาไม่มีความสุข เขาจะเงียบมาก ไม่แม้กระทั่งจะทักทายใครๆ เราจะต้องค้นหาเองว่าเกิดอะไรขึ้น พออารมณ์เขาดีขึ้น ก็จะทักขึ้นก่อนว่าเราสบายดีไหม”
เคล็ดลับอีกประการหนึ่งที่เธอแนะนำว่าทำให้ชีวิตการครองคู่ยืนยาวก็คือเมื่อเกิดปัญหาต้องรีบแก้ปัญหาเดี๋ยวนั้น ไม่ปล่อยให้ค้างคาข้ามวันข้ามคืน
“ในฐานะสามีภรรยา เราต่างรู้แก่ใจว่าจะไม่ยอมให้ปัญหาความขัดแย้งค้างคาจนข้ามวันข้ามคืน ต้องรีบแก้ไขทำความเข้าใจกันโดยเร็ว”
ต่อกรณีนี้ มหาธีร์ยอมรับว่าแม้ว่าภรรยาจะเข้าใจและมีจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมจะอยู่เคียงข้างกับเขายามต้องเผชิญหน้ากับทุกเรื่อง แต่ในฐานะสามี กลับรู้สึกผิดตอนที่ปล่อยให้ภรรยาอยู่ตามลำพังพร้อมกับลูกๆ
หนึ่งในความทรงจำที่ไม่มีวันลืมเลือน ก็คือตอนที่ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ข้างๆ เธอตอนกำลังจะคลอดหรือไปร่วมประชุมรัฐสภาในฐานะ ส.ส.หน้าใหม่ แต่เธอยืนกรานให้เขาเดินทางไปประชุมรัฐสภา และกว่าเขาจะกลับมา เธอก็คลอดลูกแล้ว
“จริงๆ แล้วผมรู้สึกผิด แต่พวกเราคิดว่าเรื่องภายในบ้านแล้ว ทั้งสามีและภรรยาควรจะต้องเข้าใจในกันและกัน ที่สำคัญที่สุด เราจะต้องไม่เรียกร้องมากเกินไปว่าจะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่หาเวลาอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว”
ด้านฮาสมาห์เสริมว่า เคล็ดลับสุดท้ายของการประคับประคองชีวิตคู่ให้ยืนยาวนานถึง 62 ปี กุญแจสำคัญอยู่ที่ "ความรักและอากาศอันแสนสดชื่น” เท่านั้นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง