ข่าว

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 

                        (คมชัดลึกออนไลน์ 9 ก.ย.) การเลือกตั้งทั่วไปรวมทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในแดนจังโก้เม็กซิโกซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีเรื่องให้พูดถึงเยอะมาก ไม่ว่าจะกรณีเปาลา กอนซาเลส สาวน้อยสวยใสวัยแค่ 18 ปี หาญกล้าท้าชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีรัฐฮาลิสโก ท่ามกลางเสียงโจมตีว่าอ่อนด้อยประสบการณ์ทางการเมือง แต่เธอศอกกลับด้วยวาทกรรมอันจับใจว่า “ถึงจะไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ฉันก็ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องการขโมยเงินแผ่นดินและการคอร์รัปชั่นเช่นกัน”

 

                        เรื่องฮือฮาตามมาจนกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแดนจังโก้ก็คือ อังเดรส์ มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ หรือที่ชาวเม็กซิกันเรียกว่า “อัมโล” อดีตนายกเทศมนตรีเม็กซิโกซิตี้ชนะเลือกตั้ง สามารถคว่ำผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่สลับสับเปลี่ยนกันบริหารประเทศมานาน 89 ปี กลายเป็นประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายคนแรกของประเทศในรอบเกือบศตวรรษ

                        ก่อนหน้าที่จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ “อัมโล” ได้ปลุกขวัญและกำลังใจของชาวจังโก้ด้วยการสั่งลดเงินเดือนตัวเองลงราว 60% เหลือเพียง 108,000 เปโซเม็กซิกัน (ราว 190,675 บาท) เพื่อนำไปใช้ในกิจที่เป็นสาธารณประโยชน์แทน พร้อมกับสั่งห้ามข้าราชการกินเงินเดือนมากกว่าตัวเองตลอดช่วง 6 ปีข้างหน้า

                        ตามด้วยการประกาศโละขายเครื่องบินโบอิ้ง ดรีมไลเนอร์ 787 ขนาด 300 ที่นั่ง เตรียมไว้สำหรับเป็น "เครื่องบินประจำตำแหน่ง” ประธานาธิบดี ซึ่งภายในติดตั้งเครื่องมือสื่อสารล้ำสมัยและพื้นที่พักผ่อนพิเศษที่เอนริเก เปนญา เนียโต ซึ่งเตรียมถอดหัวโขนผู้นำประเทศทิ้งในปลายเดือนพฤศจิกายน ได้สั่งซื้อเมื่อปี 2559 ในราคา 220 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.2 พันล้านบาท) โดยอัมโลบอกว่าเป็นของฟุ่มเฟือยที่ตัวเองจะไม่มีวันใช้เป็นอันขาด รวมไปถึงจะไม่ใช้เครื่องบินส่วนตัวลำใดๆ ด้วย

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส.

 

                        ปรากฏการณ์ใหม่ที่เพิ่งจะฮือฮาช่วงที่รัฐสภาชุดใหม่เปิดประชุมสมัยแรกเมื่อวันที่ 1 กันยายน ก็คือการได้เห็นสมาชิกรัฐสภาหน้าใหม่กันจะจะ จนเล่นเอาตกใจเกือบทั้งเมือง เพราะมีไม่ใช่น้อยเป็นอดีตแก๊งอันธพาลข้างถนนที่มีประวัติก่ออาชญากรรมมาอย่างโชกโชน ทั้งเรื่องความรุนแรงและยาเสพติด ได้กลายร่างเป็นสมาชิกรัฐสภาหน้าใหม่ในนามพรรคโมเรนา ของว่าที่ประธานาธิบดีโอบราดอร์ ที่ครองเสียงข้างมากของทั้ง 2 สภา

 

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส.

 

                       หนึ่งในนั้นก็คือ เปโดร การ์ริซาเลซ ซึ่งทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและรอยสักที่ล้วนแต่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาจากแก๊งอันธพาลข้างถนนกระทั่งได้เป็นส.ส. โดยเจ้าตัวยอมรับว่าชีวิตเหมือนนกฟีนิกซ์ ที่เกิดใหม่จากกองขี้เถ้าตัวเองเหมือนกับรอยสักบนหน้าอกตัวเองไม่มีผิด

                        การ์ริซาเลซ  หรือ “เอล เมคีส” อายุ 39 ปี เป็นเพียงแค่หนึ่งในนักการเมืองคนนอกจำนวนมากที่ชนะเลือกตั้งในนามพรรคโมเรนา โดยอดีตแก๊งอันธพาลข้างถนนคนอื่นๆ ที่กลับกลายเป็สมาชิกรัฐสภา รวมไปถึงนโปลีออง โกเมซ ผู้นำสหภาพคนทำเหมืองที่ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงิน 55 ล้านดอลลาร์จากคนงาน และเนสโตรา ซัลกาโด หัวหน้าแก๊งที่ถูกกล่าวหาว่าลักพาตัว ทั้ง 2 คนชนะเลือกตั้งได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาหน้าใหม่

 

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส.

                        การ์ริซาเลซบอกว่าความดื้อรั้นและการเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายของโอบราดอร์ ซึ่งเคยสอบตกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 ครั้งก่อนจะพลิกกลับมาชนะในที่สุดเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.บ้าง หลังจากนี้แล้ว ก็จะนำประสบการณ์จากการเคยติดยาเสพติดและการเป็นสมาชิกแก๊งอันธพาลข้างถนนมาช่วยเหลือคนที่ประสบปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือเติบโตมากับความยากจนและความรุนแรงเพื่อช่วยกันสร้างอนาคตที่ดีกว่า

                         “ก็เหมือนนกฟีนิกซ์ ผมเกิดใหม่จากกองขี้เถ้าของผมเองเพื่อจะช่วยสมาชิกแก๊งคนอื่นๆ ทุกคนที่ผมเคยช่วยชีวิตเขา ทำให้ผมมีความสุขและลดบาปที่เคยก่อให้น้อยลง” 

 

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส.

                        “เอล เมคีส” ต้องการจะช่วยสานฝันของโอบราดอร์ที่ให้สัญญาว่าจะยุติอาชญากรรมที่มีแต่ความรุนแรง ที่ขยายไปทั่วประเทศนับตั้งแต่รัฐบาลให้ทหารเข้ามาปราบปรามและต่อสู้กับขบวนการค้ายาเสพติดเมื่อปี 2549 เป็นต้นมา

                        โอบราดอร์ให้สัญญาว่าจะค่อยๆ ให้ทหารถอนตัวออกจากการกวาดล้างอาชญากรตามท้องถนนต่างๆ นอกเหนือจากจะประกาศรับรองยาเสพติดให้ถูกต้องตามกฎหมายและจะนิรโทษกรรมให้แก่พ่อค้ายาเสพติดหรือผู้ที่เสพยา อย่างชาวนาที่ปลูกกัญชาหรือสมาชิกแก๊งข้างถนนอย่างเอล เมคีส ที่ถูกชักชวนมาร่วมแก๊งตั้งแต่ยังเด็ก

                        ส่วน "เอล เมคีส” ซึ่งไม่คิดจะปิดรอยสักของตัวเองที่บ่งบอกถึงที่มาในอดีต ก็มีความคิดของตัวเองว่าจะจัดการแก้ปัญหาในท้องถิ่นด้วยวิธีใด

                        “ในพื้นที่ของผม ตรงบริเวณที่แก๊งยาเสพติดเอาศพไปฝัง ผมจะเปลี่ยนให้เป็นสนามบาสเกตบอลและโรงละครกลางแจ้ง ...“ผมอยากให้ตำรวจท้องที่ช่วยกันฝึกอบรมเรื่องการบริหารอารมณ์สักหน่อย เพื่อจะได้เป็นคนกลางช่วยคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างแก๊งอันธพาลกับชาวบ้าน แทนที่จะวางกล้ามอวดเบ่งเหมือนโรโบคอปที่ชอบชักปืนมาขู่เล่น”

 

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส.

                        ชีวิตการเป็นนักเลงข้างถนนของ “เอล เมคีส” เริ่มตั้งแต่ตอนที่เขามีอายุแค่ 11 ปี การเติบโตในครอบครัวยากจนแถมยังมีประวัติทะเลาะวิวาทและใช้ความรุนแรงเป็นประจำ ทำให้ “ลอส ชอนดอส” แก๊งอันธพาลข้างบ้านให้ความสนใจ เริ่มจากหวดเขาจนยับเยินก่อน จากนั้นจึงรับเข้ากลุ่ม เริ่มกลายเป็น “ครอบครัวที่ 2” ของเขา จากนั้นไม่นานนัก เจ้าตัวก็ถูกจับในข้อหาเมาเหล้า เมายาเสพติดและต่อสู้ แต่ ”เอล เมคีส” ก็ได้บทเรียนชีวิตเช่นกัน

                        “สมาชิกแก๊งข้างถนนจะมีแต่ความซื่อสัตย์และความภักดี ไม่มีใครถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พวกเราทุกคนเท่าเทียมกัน”

                        แต่ด้านมืดของการเป็นสมาชิกแก๊งอันธพาลข้างถนนก็มีอยู่ใช่น้อยเช่นกัน ทุกวันนี้เขายังมีแผลเป็นจากการถูกแทงที่ศีรษะ และรอยแผลเป็นจากการถูกแทงที่อก ฟันปลอมจากฤทธิ์สนับมือ

                        แต่รอยแผลเป็นที่มองไม่เห็นนั้นเจ็บปวดรวดร้าวกว่ามาก ที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือตัวเองออกไปดื่มเหล้าจนเมาหยำเปในวันที่แม่ตาย แทนที่จะอยู่ข้างๆ เธอจนลมหายใจสุดท้าย

                        “ผมพยายามฆ่าตัวตายถึง 5 ครั้ง เมื่อรู้สึกสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองก่อขึ้น ผมไม่ได้แม้แต่จะกล่าวคำอำลาแม่ในช่วงวาระสุดท้าย เพราะผมออกไปเมาหยำเป จากนั้นผมก็เสพแต่ยาเสพติดนานถึง 2 เดือน ตอนที่ทำตัวเองให้ตกต่ำถึงขีดสุด “สิ่งมหัศจรรย์ก็ทยอยเกิดขึ้นตามลำดับ”

                        "เอล เมคีส” ได้งานทำเป็นครั้งแรก ตามด้วยการสามารถเลิกยาเสพติดได้ในที่สุดและท้ายที่สุด เขาเข้าร่วมในขบวนการประท้วงของคนงานก่อสร้างเพื่อเรียกร้องสิทธิที่พึงได้มากขึ้น แล้วเขาก็รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร

 

เมื่อแก๊งสเตอร์เม็กซิกันกลายร่างเป็นส.ส. ( สมัครเรียนมหาวิทยาลัย ) 

 

                        ท้ายที่สุด "เอล เมคีส” เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำ “ผมเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นในทางการเมือง” “ผมยังได้รับการยอมรับจากสมาชิกแก๊งต่างๆ เพราะว่าผมหางานที่สุจริตให้พวกเขาทำ ผมช่วยเจรจาให้สงบศึกกัน และช่วยพวกเขาให้เดินไปข้างหน้า” เชื่อว่าเจ้าตัวได้ช่วยเหลือคนมากกว่า 12,000 คนตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

                        ระหว่างการหาเสียง "เอล เมคีส” ถูกโจมตีมากเรื่องการแต่งกายที่ไม่สุภาพเหมาะสม สวมกางเกงยีนหลวมๆ รอยสักและอดีตของตัวเอง

                        เอล มาคีส เองพยายามสลายความเกลียดชัง ในฐานะ ส.ส.หน้าใหม่ โดยวางแผนจะสวมชุดที่สวมไปทำงานทุกวันประกอบด้วยกางเกงยีน เสื้อยืดและรองเท้าผ้าใบ ไปประชุมที่รัฐสภาของรัฐ ซึ่งกำหนดมีขึ้นในวันที่ 14 กันยายน “ผมก็เป็นผมอย่างนี้แหละ---ผมต้องการเข้าไปเปลี่ยนระบบ ไม่ใช่ให้ระบบมาเปลี่ยนผม”


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ