ชาวมาเลเซียเม้นต์กระหน่ำหลังสิงคโปร์มีแผนเสนอวัฒนธรรมอาหารหาบเร่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้
นายกรัฐมนตรีลี เซียน หลง มีถ้อยแถลงตอนหนึ่งในวันชาติ 19 สิงหาคม ว่า สิงคโปร์จะเสนอให้องค์การยูเนสโกแห่งสหประชาชาติขึ้นทะเบียนวัฒนธรรมอาหารหาบเร่ เป็นมรดกทางฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ
นายกรัฐมนตรีลี กล่าวว่า ศูนย์อาหารหาบเร่ หรือ hawker centre ของสิงคโปร์ คือห้องรับประทานอาหารของชุมชน เป็นเอกลักษณ์หนึ่งของมรดกและอัตลักษณ์ประจำชาติ สถานที่ที่ประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา และชนชั้นรับประทานร่วมกันกันได้
สื่อสิงคโปร์อย่างสเตรทสไทมส์ ระบุว่าหากประสบความสำเร็จ วัฒนธรรมอาหารแผงลอยของสิงคโปร์ ก็เข้าทำเนียบเดียวกับโยคะของอินเดีย และผ้าบาติกของอินโดนีเซีย
เหตุที่เลือกวัฒนธรรมอาหารแผงลอย เนื่องจากเป็นสิ่งที่ก่อร่างสร้างอัตลักษณ์ของสิงคโปร์ ศูนย์อาหารลักษณะนี้เริ่มต้นจากผู้อพยพขายอาหารริมฟุตบาทต่อมา รัฐบาลสร้างเป็นศูนย์อาหารเพื่อสุขอนามัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970
แต่ชาวมาเลเซียจำนวนหนึ่ง พากันตั้งคำถามถึงแผนการผลักดันศูนย์อาหารหาบเร่ เป็นมรดกโลก เช่น ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ซาริมาห์ ซามัด-อิมรอน ระบุว่า นอกจากสิงคโปร์ไม่เลิกอ้างว่า นาซี เลมัก และลักซา เป็นอาหารของตนเองแล้ว ยังอ้างว่า อาหารหาบเร่แผงลอย เป็นวัฒนธรรมของตนเอง เดาว่าอีกไม่นาน ทุกอย่างใต้ดวงอาทิตย์คงจะเป็นอาหารและวัฒนธรรมของตัวเองหมด “
ขณะผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกคนชื่อ ฮัมซาห์ ฮสชิม ระบุว่า เพิ่งไปที่ตลาดรามาดานในสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้ว ตลกดี ราคาแพงแถมอาหารพื้นเมืองแทบไม่มีหนักไปทางอาหารฮิปสเตอร์
ด้าน คริส วาตา ระบุว่า ประเทศอื่นในย่านนี้ อย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทยและเวียดนาม ยังมีวัฒนธรรมอาหารริมถนนที่แท้กว่าอีก เช่นเดียวกับ ฟิครี ฮาซิม ที่ระบุว่า หากพูดถึงอาหารหาบเร่แผงลอย คิดว่าไทยกับอินโดนีเซีย น่าจะโดดเด่นที่สุด
ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วน ก็ยกว่าอาหารริมถนนในปีนัง ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว และมีชาวรัฐปีนังคนหนึ่งที่ระบุว่า ปีนังต่างหากที่ควรลอบบี้เป็นแหล่งอาหารอร่อยสุดของเอเชีย และมรดกอาหารเอเชียแท้ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง