ข่าว

พบเพื่อพรากตลอดกาล..งานรวมญาติเศร้าที่สุดในโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การรวมญาติครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ระหว่างญาติพี่น้องชาวเกาหลีที่ต้องแยกจากกันเพราะสงคราม สำหรับคุณยาย คิม คย็อง คยู คือการเรียกความทรงจำขมขื่น


                    “ฉันรู้สึกโชคดีมากและมีความสุขมากที่ได้พบพี่ชายยังมีชีวิตอยู่ แต่การได้เจอเขาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังพรากจากกันหลายสิบปี มันทรมานมากจริงๆ มันสั้นเกินไปและใจสลายเกินไป” คุณยายคิม คย็อง คยู เล่าความรู้สึกหลังไปเจอพี่ชายจากเกาหลีเหนือครั้งแรก ในงานรวมญาติเมื่อปี 2557 

 

   

พบเพื่อพรากตลอดกาล..งานรวมญาติเศร้าที่สุดในโลก

 


                      หญิงชราวัย 83 ปี เป็นหนึ่งในชาวเกาหลีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่ผ่านประสบการณ์ครอบครัวแตกกระสานซ่านเซ็นจากสงครามช่วงปี 2493-2496 ที่ลงเอยด้วยการแยกคาบสมุทรเกาหลีเป็นสองฝ่าย


                        ชาวเกาหลีจำนวนมากเสียชีวิตไปโดยไม่มีโอกาสได้เจอบุคคลอันเป็นที่รักในเกาหลีเหนืออีกเลย ด้วยอุดมการณ์การเมืองแตกต่างกันสุดขั้ว ความเป็นศัตรูที่เลยไปถึงตัดขาดการติดต่อสื่อสารระหว่างพลเรือน


                        ข้อมูลกระทรวงรวมชาติเกาหลีระบุว่า ช่วงปี 2531 ถึงกรกฎาคม 2561 มีชาวเกาหลีใต้ 132,603 คน ลงทะเบียนไว้กับรัฐบาล จำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 75,741 คน ส่วนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 57,000 คน ที่รอความหวังพบญาติพี่น้องในเกาหลีเหนือ 62% คือผู้มีอายุตั้งแต่ 80 ปีขึ้นไป

 

พบเพื่อพรากตลอดกาล..งานรวมญาติเศร้าที่สุดในโลก

 

                        รัฐบาลคัดเลือกจากผู้ยื่นคำร้อง 500 คนผ่านจับสลาก ก่อนคัดออกเหลือเป็นรายชื่อสุดท้าย โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย อาทิ อายุ และผ่านการตรวจสอบว่าญาติพี่น้องในฝั่งเกาหลีเหนือยังมีชีวิตอยู่ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจึงถูกมองว่าเป็นผู้ที่โชคดีมาก กระนั้น งานรวมญาติจัดตามแบบแผนเคร่งครัด และให้เวลาไม่มาก

                        การพบปะกันแต่ละครั้ง ชาวเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ จะถูกจัดให้พักแยกกันในโรงแรม 2 แห่ง และให้พบกันเฉพาะมื้ออาหาร 2 ครั้ง กับอีกครั้งหนึ่งให้เวลา 2 ชั่วโมง รวมแล้วเวลาที่ได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบราว 6 ชั่วโมงเท่านั้น  แต่มีข่าวล่าสุดว่า ทางการจะให้เวลาสองฝ่ายมากกว่าเดิม 

                        เวลาที่ล่วงเลยกับสังขารที่ร่วงโรย การพูดคุยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับหลายคน พ่อแม่หรือญาติพี่น้องวัยชรา หูตาฝ้าฟาง ตะโกนด้วยน้ำตานองหน้า “จำได้ไหม” นี่ฉันเองนะ บางคนแทบจะถอดใจเลิกพยายามสื่อสารกันอย่างขมขื่น

                        คุณยายคิม เล่าบรรยากาศงานรวมญาติ 4 ปีก่อน ว่าเธอเห็นเกาหลีเหนือหลายคนพูดสรรเสริญ “นายพลผู้ยิ่งใหญ่” และคนเกาหลีใต้ร้องเพลงสรรเสริญพระเยซู ขณะหน้าตาของอีกฝ่ายดูอึดอัด นอกจากนี้ เธอเห็นสตรีเกาหลีใต้คนหนึ่งเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำ ตีอกชกตัว พูดพึมพำซ้ำไปซ้ำว่า “ไม่น่ามาเลย” สตรีคนนั้นดูเหมือนจะช็อกและเสียใจมาก ที่เห็นญาติเกาหลีเหนือของเธอ ซูบผอมและยากจน

                        คิม ฮุย-ยอง พี่ชายวัย 88 ปีของเธอเวลานั้น ร่างกายเป็นอัมพาตหนึ่งข้าง น้องสาวอย่างเธอมีเรื่องมากมายอยากถาม และอีกมากที่อยากจะเล่า แต่ต้องเลือกใช้คำแบบระวังและพูดเฉพาะเรื่องจำเป็นจริงๆ เท่านั้น เธอห่วงความปลอดภัยของพี่ชาย เพราะไม่รู้ว่าใครจะเจอปัญหาอะไร เมื่อไหร่และอย่างไรบ้างในเกาหลีเหนือ

                        ในปี 2485 คุณยายคิม อายุ 6 ขวบ ส่วน ฮุย-ยอง ลูกชายคนโตสุดในพี่น้อง 6 คน อายุ 17 ปี ออกจากบ้านเกิดในยองจู เมืองชนบททางใต้เพื่อไปหางานทำทางเหนือของคาบสมุทรเกาหลีที่ร่ำรวยทรัพยากร และเจริญกว่าทางใต้ที่เป็นเมืองเกษตร ในที่สุด พี่ชายได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่ง ที่ปัจจุบัน คือเมืองฮุงนัม ของเกาหลีเหนือ ก่อนสงครามปะทุ

                        “พี่ชายของฉัน เป็นคนฉลาดหลักแหลมที่สุดในบรรดาพี่น้อง 6 คน การสูญเสียเขาคือการสูญเสียแสงสว่างในครอบครัว”                    

                        คุณยายคิม ซึ่งไปงานรวมญาติ 3 ปีก่อนกับน้องสาว 2 คนที่ยังไม่เกิดตอนพี่ชายไปหางานทำ กล่าวว่า พ่อแม่ของเธอ คิดถึงลูกชายคนนี้ตลอดชีวิต แม่มักตื่นกลางดึกเพื่อฟังเสียงรถไฟสถานีใกล้ๆ หวังว่าลูกชายอาจนั่งรถไฟสักขบวนหนึ่งกลับมาบ้าน แต่ในที่สุด ทั้งสองคน และน้องชายของเธออีก 2 คนจากไปโดยไม่ได้พบเจอกับเขา

 

พบเพื่อพรากตลอดกาล..งานรวมญาติเศร้าที่สุดในโลก

 

                        “พวกเขาตายไปทีละคน ส่งต่อความฝันพบเจอพี่ชายคนโตไว้กับคนต่อไป แล้วก็ถึงคราวของฉัน ที่ได้เห็นความฝันของครอบครัวกลายเป็นจริง”

                            สองพี่น้องร่ำไห้กล่าวคำอำลา แต่พี่ชายกล่าวกับเธอว่า “อาจมีสักวันที่เราจะพบกันอีก มาร่ำลากันแบบไม่ร้องไห้กันเถอะ”

                        กลับบ้านที่ยองจู คุณยายคิมไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ เพื่อสวดภาวนาให้พี่ชายของเธอยังมีชีวิตอยู่และสุขภาพแข็งแรง และขอให้สองเกาหลีรวมกันเป็นหนึ่งเดียว” แม้ลึกๆ ยอมรับว่า จะไม่มีโอกาสนั้นอีก 

                        “เวลานี้ เขาคงจากไปแล้ว แต่อย่างน้อย ฉันได้เจอเขาแล้วครั้งหนึ่ง แม้แค่ 6 ชั่วโมง ฉันรู้สึกว่าโชคดีแล้ว”

 

ที่มา AFP 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ