วอชิงตันโพสต์ ไล่เลียงเหตุการณ์และเบื้องหลังที่นำมาสู่การประกาศช็อกโลก โดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกประชุมสุดยอด กับคิม จอง อึน
วอชิงตันโพสต์ รวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รัฐบาล 7 คน เผยว่าสัญญาณแรกในทำเนียบขาว เริ่มเมื่อเวลา 22.00 น.ของวันพุธ นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ รายงานทรัมป์ เรื่องที่รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อตอบโต้รองประธานาธิบดีไมค เพนซ์ ว่าเป็น"คนโง่"ทางการเมือง และพูดถึงการเผชิญหน้าทางนิวเคลียร์อาจกลับมาอีก หลังจากที่เพนซ์ ออกช่องฟอกซ์นิวส์ แสดงความเห็นว่าเกาหลีเหนืออาจเจอจุดจบแบบลิเบียหากไม่ยอมตกลงกับสหรัฐ
(จอห์น โบลตัน )
ทรัมป์ไม่พอใจวาจาชวนทะเลาะของเปียงยาง แม้จะว่าไป ก็ไม่ต่างจากที่ทรัมป์มักใช้กับคู่ปรับ
โบลตัน แนะนำว่า ภาษาเชิงข่มขู่ เป็นสัญญาณไม่ดีอย่างมาก และประธานาธิบดีทรัมป์พูดกับที่ปรึกษาว่า เป็นห่วงว่า คิมเล่นเกมถอนตัวจากการประชุม จะทำให้สหรัฐกลายเป็นฝ่ายร้องขอแบบจนตรอก
ดังนั้น ทรัมป์จึงบอกเลิกก่อน
ที่ปรึกษาใกล้ชิดระบุว่า การยกเลิกประชุมเป็นความผิดหวังสำหรับทรัมป์ ที่ต้องการบรรลุข้อตกลงกับเกาหลีเหนือที่ผู้นำสหรัฐคนก่อนทำไม่ได้
หลังจากตัดสินใจกะทันหันเมื่อต้นมีนาคมว่าตกลงจะคุยตัวต่อตัวกับคิม ทรัมป์ถกหารือสถานที่จัดประชุมอย่างจริงจัง และแสดงความเห็นเชิงบวกมาตลอด กระทั่งจิตนาการไปล่วงหน้าแล้วว่าเมื่อเจอกับคิมวันที่ 12 มิถุนายน ที่สิงคโปร์ จะเกิดอะไรขึ้น สำนักงานการสื่อสารทำเนียบขาว ยังได้สั่งทำเหรียญที่ระลึกจำนวนจำกัด
วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์อำนวยการผลิตมาตลอด ก่อนที่จินตนาการจะมาปะทะกับความจริงเรื่องการเจรจากับระบอบนอกกรอบอย่างเกาหลีเหนือ
การประกาศจัดประชุมสุดยอด เป็นการตัดสินใจแบบกล้าได้กล้าเสียของทรัมป์ และมีที่มาจากการไปเยือนของนายชอง อุย ยอง ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ เมื่อ 8 มีนาคม เพื่อนำสารจากผู้นำเปียงยางว่าพร้อมหารือเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ บนคาบสมุทรเกาหลีกับผู้นำสหรัฐ และทรัมป์ ผู้เชื่อว่าแรงกดดันเต็มสูบโดยรัฐบาลของเขา บีบเกาหลีเหนือจนมุมเข้าสู่โต๊ะเจรจา ขอให้ชองแถลงหน้าทำเนียบขาวได้เลยว่า เขาพร้อมจะเจรจากับคิม
แต่ดูเหมือนว่า ทรัมป์ยังไม่เคลียร์กับการตีความวลี “ปลดอาวุธนิวเคลียร์” ของเปียงยาง
สำหรับคิม จอง อึน หมายถึงการเจรจายืดเยื้อที่เกาหลีเหนือจะได้รับการปฏิบัติ เป็นชาติที่มีนิวเคลียร์ ทัดเทียมสหรัฐ แต่สำหรับทรัมป์ หมายถึงการปลดอาวุธฝ่ายเดียวที่อีกฝ่ายไม่มีวันยอม
โทนี ชวารซ์ต ผู้ร่วมเขียนหนังสือขายดีกับทรัมป์ The Art of the Deal ว่าด้วยเส้นทางสู่ความสำเร็จทางธุรกิจของทรัมป์ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์และรายการเรียลริตี แสดงความเห็นว่า ทรัมป์ล้มประชุมสุดยอดเพื่อรักษาอัตตาตัวเอง “ทรัมป์มีความกลัวอย่างผิดปกติว่าจะเสียหน้าและอับอาย เพื่อโชว์ว่าใครใหญ่สุดและแข็งแกร่งที่สุด เขาเปราะบางมากกับความเป็นไปได้ที่จะถูกมองว่าอ่อนแอหรือตัวเล็ก ทรัมป์ไม่มีทางรับเรื่องแบบนั้นได้”
รายงานอ้างเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวว่า ทรัมป์รับฟังบรรยายสรุปเรื่องเกาหลีเหนือในคืนวันพุธ ก่อนร่างจดหมายถึงคิมจองอึน ในเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่หารือกับบรรดาที่ปรึกษา รวมถึงโบลตัน ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และรองประธานาธิบดีเพนซ์ โดยเนื้อหาจดหมาย โทษคิมว่าแสดงออกถึงความเป็นปฏิปักษ์และโกรธแค้นอย่างเปิดเผย และไม่ลืมคุยโวขนาดคลังแสงนิวเคลียร์สหรัฐว่าใหญ่กว่าเกาหลีเหนือ
การตัดสินใจของทรัมป์ ทำให้เกาหลีใต้และพันธมิตรตกตะลึง ทรัมป์อาจไม่อยากให้ข่าวรั่วออกไปก่อนหากแจ้งพันธมิตร ขณะทำเนียบขาววิตกว่าทำแบบนั่นคือการไม่ไว้หน้า
บรรดานักการทูตต่างชาติ รู้ข่าวการประชุมสุดยอดถูกยกเลิกแล้ว เวลาเดียวกับคนทั่วไปรับรู้ก่อน 10.00 น.ตามเวลาที่สหรัฐเล็กน้อย ตอนที่ทำเนียบขาวส่งสำเนาจดหมายให้สื่อ
กลางดึกที่โซล ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ออกอาการมึนหนัก ประธานาธิบดีมุน แจ อิน เพิ่งกลับจากเยือนวอชิงตัน และหลังจากพบกับทรัมป์ในวันอังคารแล้ว ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีมุน ยังเชื่อว่าโอกาสประชุมสุดยอดจะเกิดขึ้น 99.9 %
หลังจากจดหมายของทรัมป์แพร่ไม่นาน โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวว่า เรากำลังพยายามจับต้นชนปลายว่า ประธานาธิบดีทรัมป์หมายความว่าอย่างไรแบบชัดๆ
ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นเล่านาทีเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือรู้นาทีทรัมป์ยกเลิก
ทรัมป์แถลงล่มประชุม ขณะที่ผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันหลายคนอยู่ในเกาหลีเหนือ ตามคำเชิญของรัฐบาลเปียงยาง ให้ไปเป็นสักขีพยานการระเบิดทำลายอุโมงค์ทดลองนิวเคลียร์พองคเยรี
วิลล์ ริปลีย์ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็น ที่รายงานจากจุดทดลองนิวเคลียร์ เล่าว่าเขาเป็นคนอ่านจดหมายของทรัมป์ที่เขียนถึงคิมให้เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ณ ที่นั้นฟัง และพวกเขาก็ช็อกอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่รู้ว่าทรัมป์ยกเลิกการประชุม
เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือไม่ได้พูดอะไร แต่ผุดลุกขึ้นและออกไปโทรศัพท์ ถ่ายทอดข่าวต่อผู้บังคับบัญชาทันที “ลองนึกดูว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร นาทีที่เพิ่งระเบิดจุดทดลองนิวเคลียร์ ในวันนี้ เพื่อส่งสัญญาณเจตนารมณ์ปลดอาวุธนิวเคลียร์ บรรยากาศตอนนั้นอึดอัดและทำอะไรไม่ถูก”
ริปลีย์ กล่าวว่า เขากับผู้สื่อข่าวคนอื่นๆ เฝ้ามองการระเบิดอุโมงค์ 3 แห่งในที่ทดลองนิวเคลียร์ แต่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่อาจยืนยันว่าสถานที่นั้นใช้งานต่อไปไม่ได้อีกแล้วหรือไม่
( ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เยือนเปียงยางถึง 2 ครั้ง )
เมื่อการประชุมเริ่มส่อเค้าว่าอาจจะล้มด้วยท่าทีและคำพูด ทรัมป์ยังหวังว่าจะกอบกู้ได้ ถึงขั้นระบุว่าพร้อมจะยืดหยุ่นเจรจาการค้ากับจีน หากรัฐบาลปักกิ่งช่วยเรื่องเกาหลีเหนือ แต่บรรยากาศเริ่มแย่ลง เมื่อคิมและที่ปรึกษาไม่พอใจมากที่จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงสายเหยี่ยว พูดเมื่อ 29 เมษายนว่า ในการเจรจากับเกาหลีเหนือนั้น สหรัฐจะใช้ ลิเบีย โมเดล ที่เกาหลีเหนือเชื่อว่าเป็นข้อตกลงที่นำไปสู่การล่มสลายของพ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี และเสียชีวิตในปี 2554
แต่ทรัมป์ก็ให้ความมั่นใจเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า คิมจะอยู่ในอำนาจ หากบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ
ก่อนมาเจอคำพูดหนักกว่าเดิมของ รองประธานาธิบดีเพนซ์ ว่าจะใช้ลิเบียโมเดลกับเกาหลีเหนือแน่ หากคิมไม่ยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ คำให้สัมภาษณ์ของเพนซ์กระทบใจเปียงยาง ที่ปรึกษาของคิมจองอึน เรียกเพนซ์ว่าเป็นหุ่นการเมือง เป็นถึงรองประธานาธิบดีแต่แสดงความเห็นโง่ๆและไม่เข้าท่า
อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่สหรัฐสังเกตว่า ทีมงานของคิมดูไม่กระตือรือล้นในระยะหลัง
ปอมเปโอ กล่าวว่า สหรัฐถามไปหลายเรื่องแต่อีกฝ่ายไม่ตอบ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีเหนือก็ไม่ได้มาตามนัดที่สิงคโปร์ ปล่อยให้ทีมงานสหรัฐรอ โดยไม่ได้บอกอะไรเลย
ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ สงสัยว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจมีส่วนกับการกลับลำของคิม โดยพูดขณะประธานาธิบดีมุน แจอินยืนเคียงข้างว่า เขาคิดว่าคิมจองอึนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากเดินทางไปพบกับประธานาธิบดีสี จิ้ง ผิง ครั้งที่สอง ซึ่งเขาไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ก็หวังว่าจะไม่จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง