ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัดทำได้ นำแนวร่วมฝ่ายค้านคว้าชัยเลือกตั้ง กวาดเสียงส่วนใหญ่ตั้งรัฐบาล
คณะกรรมการการเลือกตั้งมาเลเซีย ประกาศผลตรวจนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 222 ที่นั่ง อย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 04.30 น. ผลปรากฏว่า “ปากาตัน ฮาราปัน”(พีเอช) แนวร่วมพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัดวัย 92 ปี กับพรรคพันธมิตร กวาด 113 ที่นั่ง ( ปากาตัน รักยัต ของนางวันอะซิซะห์ อิสมาอิล 104 + พรรคดีเอพี ของชนชนส่วนน้อยชาวจีน 9 )
ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล บีเอ็น ของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ตามห่างๆที่ 79 ที่นั่ง ลดฮวบจากเดิม 133 ที่นั่ง พรรคปาส 18 ที่นั่ง ที่เหลือเป็นของพรรคเล็กพรรคน้อยและผู้สมัครอิสระ 12 ที่นั่ง
การจัดตั้งรัฐบาลต้องได้เสียงส่วนใหญ่ที่ 112 ที่นั่ง จำนวนเสียงที่แนวร่วมฝ่ายค้านทำได้จึงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ปิดฉากการผูกขาดอำนาจยาวนานของแนวร่วมบีเอ็น ที่พรรคอัมโนเป็นแกนนำ มาตั้งแต่มาเลเซียเป็นประเทศเอกราชในปี 2500
ชัยชนะอย่างเหนือความคาดหมายของฝ่ายค้านมาเลเซีย เป็นการปิดท้ายดรามาการเมืองมาเลเซีย ไม่มีใครคาดคิดว่า ดร.มหาธีร์ อดีตผู้นำที่ปกครองประเทศแบบกฎเหล็กนาน 22 ปี จะหวนกลับมาท้าชนนาจิบ ราซัค ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ทางการเมือง หลังจากลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปตั้งแต่ปี 2546
แต่ด้วยความไม่พอใจกับเรื่องอื้อฉาวทุจริตที่นายนาจิบถูกกล่าวหายักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ จากบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐ วันเอ็มดีบี แต่ไร้แรงกดดันใดๆจากพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ขาดหัวขบวนที่มีบารมีมากพอสู้กับพรรคที่ครองอำนาจปกครองยาวนาน เนื่องจากนายอันวาร์ อิบราฮีม อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำสำคัญฝ่ายค้าน ยังอยู่ในเรือนจำ
การกลับมาของมหาธีร์ ที่จะทำให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอายุมากที่สุดในโลก ยังเป็นการจับมือเป็นแนวร่วมกับบรรดาพรรคฝ่ายค้าน ที่เคยถูกเขาสกัดกั้นสมัยอยู่ในอำนาจ รวมถึงนายอันวาร์ อดีตทายาทการเมืองของเขาเอง
บรรยากาศหลังทราบผลเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนจำนวนมากชุมนุมที่หน้าที่ทำการพรรคของดร.มหาธีร์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซูวา เซลวาน หมอวัย 48 ปี กล่าวว่าเขารู้สึกเหมือนกับว่าประเทศเพิ่งได้รับเอกราชอีกครั้งหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เชื่อว่าจะได้เห็นเรื่องดีๆเกิดขึ้นในอนาคต ความหวังของเราคือได้รัฐบาลที่ดีกว่า บริสุทธิ์ เป็นธรรมและเป็นเอกภาพ
ความพ่ายแพ้อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของปัญหาสารพันของนายนาจิบ เพราะก่อนหนานี้ มหาธีร์ได้เคยประกาศไว้แล้วว่าจะดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมกับข้อกล่าวหาที่นายนาจิบยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐ วันเอ็มดีบี ที่นาจิบเคยกำกับดูแล
อย่างไรก็ดี ในการแถลงข่าวเมื่อคืน อดีตผู้นำวัย 92 ประกาศว่า เราจะไม่แก้แค้น เพียงต้องการฟื้นหลักนิติรัฐ
อันวาร์มีกำหนดได้รับการปล่อยตัวในเดือนมิถุนายน และอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ประกาศจะขออภัยโทษจากสุลต่าน เพื่อให้กลับมาเล่นการเมืองได้ และมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากกุมเสียงเด็ดขาดในสภาระดับชาติแล้ว สภานิติบัญญัติระดับรัฐหลายรัฐก็ตกเป็นของฝ่ายค้านครั้งแรกเช่นกัน ที่น่าตกตะลึงที่สุดคือรัฐยะโฮร์ จุดกำเนิดของอัมโน
พรรคฝ่ายค้านสามารถโค่นรัฐบาลได้แบบเหนือความคาดหมาย หลังจากนายกรัฐมนตรีนาจิบ พยายามทำทุกวิถีทางแล้วเพื่อรักษาเก้าอี้ไว้ ตั้งแต่ออกนโยบายลดแลกแจกแถม แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับบีเอ็น จัดเลือกตั้งวันทำงาน ทั้งที่ตามปกติวันหย่อนบัตรจะใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งนักสังเกตการณ์เชื่อว่าเพื่อกดยอดผู้ออกมาใช้สิทธิต่ำ อันจะทำให้ฝ่ายค้านเสียเปรียบ แต่ปรากฏว่า ชาวมาเลเซียผู้มีสิทธิเลือกตั้งแห่ออกมาใช้สิทธิกันอย่างคึกคัก อัตราผู้ออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ราว 76% จาก 15 ล้านคน
ผลเลือกตั้งสะท้อนความไม่พอใจเรื่องอื้อฉาวทุจริตภายใต้รัฐบาลบีเอ็น ประกอบกับปัญหาค่าครองชีพและความเบื่อหน่ายการเมืองแบบแบ่งแยกเชื้อชาติในประเทศพหุวัฒนธรรม
มีรายงานว่า นายนาจิบซึ่งไม่ปรากฏตัวอีกเลยตั้งแต่ค่ำวานนี้ จะแถลงข่าวเวลา 11.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง