คุุก 15 ปีอดีตประธานสภาอินโดนีเซียรับใต้โต๊ะ 

                    นายเสตยา โนวันโต ที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองทรงอิทธิพลที่สุดของอินโดนีเซีย ถูกศาลในกรุงจาการ์ตา พิพากษาลงโทษจำคุก 15 ปี และปรับอีกกว่า 1.1 ล้านบาท ในความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดทุจริตการจัดซื้อในโครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ 

                   นอกจากนี้ ศาลยังสั่งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 5 ปีหลังจากพ้นโทษจำคุก และจะต้องชดใช้เงินอีก 7.3 ล้านดอลลาร์ ( 226 ล้านบาท)เท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับจากการทุจริต  

                    จำเลยแจ้งต่อศาลว่า ขอเวลาตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์สู้คดีหรือไม่  

                    อัยการระบุว่า โนวานโตเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่รัฐ สมาชิกรัฐสภา และพนักงานบริษัทเอกชนรวมเกือบ 80 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตโครงการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์มูลค่า 440 ล้านดอลลาร์ ( ราว 13,650 ล้านบาท) ช่วงปี 2554-2555 และยักยอกเงินไปเกือบ 40% ทำให้รัฐสูญเสียเงินเกือบ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5,270 ล้านบาท ) กลายเป็นหนึ่งในคดีทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ 

                    โนวานโต วัย 62 ปี ประธานของพรรคโกลข่าร์ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ถูกเจ้าหน้าที่
                    ชุดสอบสวนควบคุมตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังไม่ยอมเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกหลายครั้ง โดยอ้างบาดเจ็บจากรถชนแต่ถูกจับผิดว่าแกล้งเจ็บเพื่อเลี่ยงข้อหา  
                    อดีตประธานสภาอินโดนีเซีย เป็นผู้ต้องหารายที่ 4 ในคดีนี้ที่ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดจริงในคดีโกงชาติครั้งมโหฬาร โดยอีก 3 คนเป็นอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสในกระทรวงมหาดไทย  2 คนและนักธุรกิจอีก 1 คน 
        

                   การตัดสินลงโทษอดีตประธานสภารายนี้ถือเป็นชัยชนะสำคัญ สำหรับความพยายามปราบปรามการคอร์รัปชันในประเทศที่ถูกจัดอันดับความโปร่งใสในลำดับ 96 จาก 180 ประเทศ ภายใต้การนำของคณะกรรมการปราบปรามการทุจริต (เคพีเค ) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่มีอำนาจกว้างขวาง 
                    เมื่อหลายปีก่อน การสอบสวนของเคพีเค นำไปสู่การลงโทษจำคุกตลอดชีวิต นายอาคิล ม็อคตาร์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ในความผิดรับสินบนเพื่อตัดสินเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในกรณีพิพาทเลือกตั้ง นับเป็นโทษหนักที่สุดเท่าที่เคยมีมาในคดีทุจริตของประเทศนี้