ข่าว

ชนคนตาย ฝันร้ายของรถไร้คนขับ 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การเสียชีวิตของเอเลน เฮอร์เบิร์ก วัย 49 ปี เพราะถูกรถขับเคลื่อนอัตโนมัติของอูเบอร์พุ่งชน ในเมืองเทมพี รัฐแอริโซนา คือฝันร้ายกลายเป็นจริงของยานยนต์อัตโนมัติ

 

          และกำลังถูกจับตาว่า จะเป็นการสะดุดครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีคมนาคมไร้คนขับที่กำลังแข่งขันกันพัฒนา และคำโฆษณาว่า นี่คือหนทางยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน ลดอัตราการตายจากการจราจรที่ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดของคนหรือไม่

          ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2559 ชายคนหนึ่งเสียชีวิตขณะอยู่หลังพวงมาลัยรถเทสลา ขณะใช้โหมดอัตโนมัติและมีรถบรรทุกแล่นตัดหน้า เขาเป็นคนแรกที่ตายจากเหตุเกี่ยวข้องกับรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่พนักงานสอบสวนพบว่าคนขับใช้โหมดอัตโนมัตินานเกินไปและไม่ฟังคำเตือนให้กลับไปคุมพวงมาลัยเอง กรณีของ เฮอร์เบิร์ก จึงกลายเป็นเหยื่อรายแรกจากรถยนต์ไร้คนขับที่ไม่ได้อยู่ในรถ

          อูเบอร์ซึ่งมีสำนักงานในซานฟรานซิสโก ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและยืนยันจะให้ความร่วมมือกับทางการอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งระงับการทดสอบรถไร้คนขับในเมืองพิตต์สเบิร์ก ซานฟรานซิสโก และโตรอนโตไว้ชั่วคราว

          ยูเอสเอ ทูเดย์ อ้างความเห็น อัคเชย์ อนันด์ นักวิเคราะห์จากเคลลี บลู บุ๊ก ว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่ากรณีนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อทัศนคติของสาธารณชนต่อเทคโนโลยีอัตโนมัติ ขณะที่ผู้คุมกฎ ทางการและภาคอุตสาหกรรม ก็จะต้องจัดการรับมืออย่างละเอียดรอบคอบที่สุด 
อุตสาหกรรมรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ประสบความสำเร็จสำหรับการใช้งานบนไฮเวย์ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมไม่ซับซ้อนมาก แต่การรับมือกับคนข้ามถนนและคนขี่จักรยาน เป็นงานท้าทาย

          ตำรวจกล่าวว่า รถวอลโว่ เอ็กซ์ซี 90 ของอูเบอร์ที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างทดสอบ โดยมีผู้ควบคุม ที่เรียกว่า เซฟตี้ ไดรเวอร์ หรือ เทสต์ ไดรเวอร์ อยู่ในรถที่พร้อมจะเข้าควบคุมแทนระบบอัตโนมัติหากเกิดเหตุขัดข้อง เป็นมาตรฐานของการทดสอบรถประเภทนี้ ชนเฮอร์เบิร์กที่จูงจักรยานข้ามถนนเมื่อเวลา 22.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม ขณะนั้น รถวิ่งด้วยความเร็ว 64 กม./ชม.ในเขตกำหนดความเร็วที่ 56 กม.ต่อชั่วโมง คนขับวัย 44 ปี ไม่ได้รับอันตรายใดๆ และให้ความร่วมมือกับตำรวจ 

          มีคำถามที่ยังไม่มีคำตอบว่า ใครอาจถูกแจ้งข้อหา ควรเป็นคนขับรถ หรืออูเบอร์ เพราะเหตุเศร้าสลดเกิดขึ้นขณะยังไม่ตกผลึกกันถึงวิธีจัดการหากรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้น แต่สำหรับนักเคลื่อนไหวอย่างกลุ่มจับตาผู้บริโภค คอนซูเมอร์ วอทช์ด็อกแล้ว เหตุการณ์นี้คือการตอกย้ำว่า เทคโนโลยีที่ช่วยให้รถยนต์จับสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ ยังไม่พร้อม และถนนกำลังกลายเป็นห้องแล็บเอกชนของรถหุ่นยนต์โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยสาธารณะ  

          รัฐในสหรัฐกำหนดกฎเกณฑ์บนถนนหนทางกันเอง และมีรัฐจำนวนหนึ่งที่ผ่านกฎหมายอำนวยความสะดวกให้แก่การทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ อาทิ แคลิฟอร์เนีย มิชิแกน และแอริโซนา ส่งเสริมมากเป็นพิเศษ เพราะหวังว่าบริษัทที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้จะเข้าไปสร้างงานและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต 

          แอริโซนาถือเป็นขวัญใจของผู้พัฒนารถประเภทนี้ ผู้ว่าการรัฐ ดัก ดูซีย์ เพิ่งปรับปรุงคำสั่งฝ่ายบริหาร อนุญาตให้รถไร้คนขับแล่นบนถนนของรัฐได้โดยไม่ต้องมีคนขับทดสอบอยู่หลังพวงมาลัย ส่วนเวย์โม ก็เริ่มให้บริการรถอัตโนมัติในปีนี้ในเมืองฟีนิกส์ รัฐแอริโซนา บริษัทอื่นอย่าง ครูซ ของจีเอ็ม และ อินเทล ก็ทดสอบเทคโนโลยีของตัวเองในรัฐนี้เช่นกัน นอกจากนี้ สภาพอากาศไม่แปรปรวนในรัฐแอริโซนาก็เป็นปัจจัยเอื้ออีกอย่าง สำหรับรถขับเคลื่อนอัตโนมัติที่จะมีปัญหาเวลาเจอฝนหรือหิมะตก 

          จอห์น ซิมป์สัน ผู้อำนวยการโครงการเทคโนโลยีและความเป็นส่วนตัว ของคอนซูเมอร์ วอทช์ด็อก กล่าวว่า ควรมีการออกคำสั่งพักการทดสอบรถหุ่นยนต์ทั้งหมดบนถนนสาธารณะทั่วประเทศไว้ก่อน จนกว่าจะรู้ว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างไรโดยละเอียด และควรมีผู้เชี่ยวชาญภายนอกร่วมวิเคราะห์ “แอริโซนาเป็นแดนเถื่อนของการทดสอบรถหุ่นยนต์โดยแทบไม่มีการวางกฎเกณฑ์กำกับ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม อูเบอร์ และเวย์โม (บริษัทรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล)  จึงไปทดสอบที่นั่น ไม่มีนายอำเภอ คนก็ถูกฆ่าตาย” 

          แต่ รอบบี ไดมอนด์ ประธานกลุ่ม "พลังงานอนาคตของอเมริกาที่มั่นคง” ที่สนับสนุนเทคโนโลยีเดินทางแบบไม่พึ่งพาน้ำมัน ยังเชื่อว่า รถยนต์ไร้คนขับเป็นหนทางปฏิบัติได้เพื่อลดการตายบนท้องถนนหากมีการกำกับอย่างเหมาะสม

          ผลสำรวจโดยบริษัทที่ปรึกษา เอลิกซ์ พาร์ทเนอร์ เมื่อปีที่แล้วพบว่าผู้บริโภคราว 49% ยังไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของรถขับเคลื่อนอัตโนมัติว่าจะนำทางพวกเขาได้อย่างปลอดภัย ขณะ 84% วิตกเรื่องซอฟต์แวร์ขัดข้อง และ 80% ห่วงเรื่องฮาร์ดแวร์มีปัญหา   

          ทิโมที คาโรน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาไอที มหาวิทยาลัยนอทร์ ดาม กล่าวว่า เราอาจกำลังอยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่ยากลำบาก เมื่อระบบปัญญาประดิษฐ์สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนเอง ยังไม่ดีหรือซับซ้อนพอสำหรับการจัดการได้ทุกสถานการณ์ การก้าวข้ามองค์ความรู้ที่มนุษย์เคยครอบครองมานานหลายสิบปีอย่างขับรถและการบิน ไปยังระบบอัตโนมัติอย่างรถยนต์ไร้คนขับ หรือเครื่องบินไร้นักบิน ยังเป็นงานซับซ้อนที่จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าสังคมจะยอมรับประโยชน์ของมัน 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ