ข่าว

กว่า 5 พันล้านขาดแคลนน้ำภายใน 42 ปี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สหประชาชาติเผยรายงานสถานการณ์น้ำโลก เตือนว่าผู้คนกว่า 5 พันล้านอาจเผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำภายในปี ค.ศ.2050

 

          เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ความต้องการและมลพิษเพิ่มสูงขึ้น หากยังไม่ลงมือดำเนินมาตรการลดความเครียดต่อแม่น้ำ ทะเลทราย แหล่งน้ำใต้ดิน และพื้นที่ชุ่มน้ำ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ แต่มาตรการใดที่จะนำมาใช้ จะต้องเป็นหนทางอิงธรรมชาติ พึ่งพาดินกับต้นไม้เป็นหลัก ไม่ใช่เหล็กกับคอนกรีต

          กิลเบิร์ต ฮุงโบ ประธานยูเอ็นวอเตอร์ ระบุว่า โลกหันไปใช้สิ่งปลูกสร้าง หรือโครงสร้างพื้นฐานสีเทาเพื่อยกระดับการบริหารจัดการน้ำมานานเกินไป การทำเช่นนั้นบ่อยครั้งมองข้ามภูมิปัญญาท้องถิ่นและชนพื้นเมืองที่ใช้แนวทางสีเขียว ขณะโลกเผชิญกับสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมและไคลเมทเชนจ์ เราจำเป็นต้องใช้หนทางใหม่เพื่อบริหารความต้องการแหล่งน้ำ

          รายงานระบุว่า มนุษย์ใช้น้ำวันละประมาณ 4,600 ลบ.ม.ต่อปี จำนวนนี้ 70% ใช้ในภาคการเกษตร 20% ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และครัวเรือน 10% ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา โลกต้องการน้ำเพิ่ม 6 เท่า และจะเพิ่มขึ้นอีกในอัตรา 1% ต่อปี แรงกดดันจะยิ่งถาโถมเพราะภายในปี 2050 ประชากรโลกจะพุ่งเป็นระหว่าง 9,400 ล้านคน-1.02 หมื่นล้านคน (จาก 7,700 ล้านคนในปัจจุบัน) โดยประชากรทุก 2 ใน 3 คนจะอาศัยในเมือง

          ภัยแล้งเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดจากไคลเมทเชนจ์ ซึ่งปรากฏชัดที่สุดในปีนี้ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ประชาชนเผชิญปัญหาขาดน้ำอันเป็นผลจากภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 384 ปี ส่วนกรุงบราซิลเลีย เมืองหลวงบราซิล ที่เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเวทีน้ำโลก ประชากรเกือบ 2 ล้านคนไม่มีน้ำใช้ 1 วันในทุก 5 วันเพราะภัยแล้งยาวนานผิดปกติ

          รายงานคาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 ประชากรระหว่าง 4,800-5,700 ล้านคนจะอาศัยในพื้นที่ที่น้ำขาดแคลนอย่างน้อยหนึ่งเดือนต่อปี เพิ่มจากปัจจุบัน ที่มีประชากรเผชิญภาวะเช่นนี้ 3,600 ล้านคน ขณะประชากรเสี่ยงน้ำท่วมจะเพิ่มจาก 1,200 ล้านคน เป็น 1,600 ล้านคน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ