ไอเอสบึ้มมัสยิดสัญลักษณ์สำคัญในโมซุล

 

               มหามัสยิด อัล นูรี และหออะซานเอน “ฮัดบา” ในเมืองโมซุล ทางเหนือของอิรัก ที่โด่งดังรู้จักกันทั่วโลกเมื่อครั้งที่นายอาบู บักร์ อัล บักดาดี ผู้นำกลุ่มไอเอส ออกมาประกาศตั้งตัวเป็นกาหลิบ หรือผู้นำรัฐอิสลาม เมื่อ 3 ปีก่อน ถูกระเบิดทำลายย่อยยับ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน หลังยืนยงมานาน 800 ปี

 

ภาพ : เอเอฟพี - February 18, 2017

 

               สหรัฐและอิรัก ระบุว่า ไอเอสระเบิดทำลายศาสนสถานเก่าแก่แห่งนี้ขณะถูกปิดล้อม ขณะไอเอสอ้างผ่านสำนักข่าวชวนเชื่อของตัวเองว่า มัสยิดถูกเครื่องบินรบสหรัฐทิ้งระเบิดทำลาย

               นายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล อาบาดี ของอิรัก กล่าวว่า การกระทำของไอเอสเท่ากับเป็นการประกาศปราชัยอย่างเป็นทางการ ในสมรภูมิปลดแอกเมืองใหญ่อันดับสองของอิรักจากไอเอสที่ดำเนินมานาน 8 เดือน

 

ภาพ : เอเอฟพี - บักดาดีปรากฏตัวครั้งแรกและครั้งเดียวที่มัสยิดอัล นูรี

 

               การปรากฏตัวนำสวดมนต์ที่มัสยิดศักดิ์สิทธิ์ในเมืองโมซุล เมื่อ 4 กรกฎาคม 2557 เพื่อประกาศตั้งอาณาจักรอิสลาม หรือคอลิฟะ และปลุกระดมมุสลิมสุหนี่ทำสงคราม เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผู้นำไอเอสออกมาปราศรัยกับสาวก สหประชาชาติ ระบุว่า อิหม่ามประจำมัสยิดถูกสังหารราวหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น หลังไม่ยอมร่วมมือกับไอเอส การประกาศของบักดาดีครั้งนั้น ถือเป็นการทำลายกำแพงชายแดนระหว่างซีเรียกับอิรัก และกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักรบต่างชาติที่อยากไปร่วมต่อสู้เพื่อเป้าหมายในฝันของสุดโต่งกลุ่มนี้ ส่วนบักดาดี ชะตากรรมหลังจากนั้นไม่แน่ชัด แหล่งข่าวสหรัฐกับอิรัก ระบุว่า น่าจะซ่อนตัวอยู่แถวชายแดนอิรักกับซีเรีย ขณะมีข่าวถูกโจมตีเสียชีวิตเป็นระยะ

               พ.ท.สตีเฟน ทาวน์เซนด์ ผู้บัญชาการสหรัฐที่ต่อสู้กับไอเอสในอิรักและซีเรีย กล่าวว่า เขาอยู่ในโมซุลเมื่อบ่ายวันพุธ (21 มิ.ย.) และอยู่ใกล้มากพอมองเห็นมัสยิดกับหอคอยฮัดบา นึกไม่ถึงว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น การทำลายล้างครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างความโหดเหี้ยม ไร้หัวใจและไม่นับถือพระเจ้า และถือเป็นอาชญากรรมต่อชาวเมืองโมซุลและชาวอิรักทั้งหมด

 

ภาพ : เอเอฟพี - June 21, 2017

 

               การเข้ายึด มัสยิดอัล นูรี ได้ เป็นเป้าหมายในใจของกองกำลังอิรัก เพราะหากสำเร็จ จะถือเป็นชัยชนะเชิงสัญลักษณ์ พวกเขาหวังจะยึดให้ได้ต้นสัปดาห์หน้า ตรงกับเทศกาลอีดิ้ลอัดฮาหลังสิ้นสุดเดือนรอมฎอน แต่เจอการต่อต้านอย่างหนักหน่วง

               การทำลายมรดกวัฒนธรรมความภูมิใจของโมซุล มีขึ้นในวันที่ 4 ของปฏิบัติการรุกโจมตีครั้งสุดท้าย หวังยึดเขตเมืองเก่า หรือ โอลด์ ซิตี ของโมซุล ผู้บัญชาการทหารอิรัก กล่าวว่า ขณะกองกำลังอิรักที่มีแนวร่วมนำโดยสหรัฐหนุนหลัง รุกเข้าไปจนอยู่ในระยะ 50 เมตรจากมัสยิด ไอเอสก็ก่ออาชญากรรมประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการระเบิดทำลาย

               กองทัพอิรักเชื่อว่า ยังมีนักรบหลงเหลือในโมซุลไม่เกิน 300 คน จากเมื่อตอนเริ่มปฏิบัติการปลดแอกเมืองเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว มีเกือบ 6,000 คน

 

--------------------

 

“อัล ฮัดบา” หอเอนปิซาแห่งอิรัก

 

ภาพ : หออะซาน “ฮัดบา” 20 มิ.ย. 2560 : เอเอฟพี

 

               หออะซาน หรือหอคอยประกาศเรียกละหมาด “อัล-ฮัดบา” ตั้งอยู่ติดกับมัสยิด อัล-นูรี เป็นสิ่งปลูกสร้างเป็นที่จดจำได้มากที่สุดของเมืองโมซุล บางครั้งเรียกกันว่า “หอเอนปิซาของอิรัก” ขณะชาวอิรักมักเรียกชื่อเล่นว่า “หลังค่อม” สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1172 มีความโดดเด่นที่ลวดลายและงานก่ออิฐรอบทรงกระบอก ปัจจุบัน หอมีความเอียงอยู่ 253 เซนติเมตร และถือเป็นอนุสรณ์สถานที่ตกอยู่ในอันตราย

               มัสยิดเดิมเคยถูกรื้อไป ก่อนสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1942 แต่หอฮัดบา เป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมไม่กี่แห่ง ภาพหอคอยโบราณแห่งนี้ในสภาพปกติ ถูกใช้เป็นภาพประกอบป้ายชื่อร้านค้าและโฆษณาในท้องถิ่นจำนวนมาก เมื่อครั้งที่ไอเอสเข้ายึดเมืองและเริ่มใช้กฎหมายอิสลามฉบับตีความเองปกครอง ได้ทำลายมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญหลายแห่ง รวมถึงพิพิธภัณฑ์และวิหารโบราณ แต่มีรายงานว่าชาวบ้านช่วยกันขัดขวางการทำลายหอคอยฮัดบา จึงอยู่รอดมาได้ แต่ก็ถูกทำลายในที่สุด

 

--------------------