“บริจิตต์ โทรนเญอซ์” ว่าที่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส วัย 64 ปี
กำลังถูกจับตามองว่า อาจมีอิทธิพลเหนือ นายเอมานูแอล มาครง สามีของเธอและว่าที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และเชื่อว่าเธอจะมีบทบาทในด้านการศึกษา แม้จะไม่ได้รับค่าตอบแทนก็ตาม ทั้งนี้เพราะว่าเธอเป็นอดีตครูที่กำหัวใจของว่าที่ผู้นำฝรั่งเศสมาตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยม จึงเป็นไปได้ว่าเธออาจเข้าไปมีบทบาทสำคัญในฝ่ายบริหารชุดใหม่ในทำเนียบประธานาธิบดี “ปาเลส์ เดอ เลซีเซ่” โดยเฉพาะในประเด็นการศึกษา เนื่องจากเธอมีแนวคิดที่จะปฏิรูปการศึกษา แม้ว่าทีมงานและตัวเธอจะไม่ได้รับเงินเดือนก็ตาม
“โทรนเญอซ์” ถูกมองว่า กำลังเดินตามรอยนางมิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐฯ ที่เคยเป็นพี่เลี้ยงให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา สมัยที่ฝึกงานที่สำนักงานทนายความ และโดดเด่นตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง ส่วนโทรนเญอซ์ มีประสบการณ์ชีวิตสูงกว่าสามีมากกว่า 20 ปี ทั้งยังช่วยปรับปรุงบุคลิกภาพของเขาตั้งแต่อายุ 15 ปี ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เธอจะมีอิทธิพลเหนือการทำงานของสามีหรือไม่
“กองดีซ นีดีเลค” ผู้ร่วมเขียนชีวประวัติของ เอมานูแอล มาครง และภรรยา ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์สว่า โทรนเญอซ์มุ่งความสนใจไปที่เรื่องการปฏิรูปการศึกษา และเธอมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อเด็กพิเศษ เช่น ออทิสติกและเด็กด้อยโอกาสอื่นๆ ซึ่งตอนที่มาครงเป็นนายธนาคาร กระทั่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจในรัฐบาลประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ เธอและสามีต้องถกเรื่องงานทุกคืน แต่เธอบอกว่า สนใจทุกเรื่อง และ ทำอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องสามี ซึ่งบทบาทนี้ก็ต่อเนื่องมาจนถึงการตั้งพรรคออง มัคช์ โดยเป็นทั้งคนแก้สุนทรพจน์และคนกลางในหลายๆ เรื่องเธอเคยบอกว่า อยากให้สามีเป็นนักประพันธ์มากกว่าเล่นการเมือง
ถ้า โทรนเญอซ์ เข้าไปทำงานในทำเนียบประธานาธิบดีโดยไม่ได้รับผลตอบแทน มาครง ก็จะรอดพ้นจากข้อครหาแบบเดียวกับนายฟรองซัวส์ ฟิยง คู่แข่งที่พ่ายการเลือกตั้งรอบแรก ซึ่งเผชิญเรื่องอื้อฉาว จ้างนางเพเนโลปี้ ภรรยาของตัวเองมาดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา เป็นเงิน 680,000 ยูโร โดยที่เธอไม่เคยทำงานในหน้าที่นี้เลย เป็นเวลานานถึง 15 ปี แต่สำหรับชาวฝรั่งเศส มีหลายคนที่ไม่พอใจให้ มาครง “หนีบ” ภรรยาไว้ตลอดเวลา เช่น ตอนที่พาภรรยาไปแถลงชัยชนะยกแรก ก็มีคนแสดงความเห็นว่าเราเลือกตั้งประธานาธิบดี ไม่ใช่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ซึ่งผู้สันทัดกรณีชี้ว่า จะเป็นอันตรายสำหรับเขา ถ้ายังสลัดคราบ“ลูกแหง่”ไม่พ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง