ข่าว

ก่อการร้าย'ขับรถพุ่งชน'ง่ายแต่ได้ผล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ยุทธวิธีโจมตีด้วยยานพาหนะกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นวิธีที่ “ง่ายแต่ได้ผล”

 

 

               
               จากเหตุการณ์โจมตีใกล้รัฐสภาอังกฤษใจกลางกรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่คนร้ายใช้รถเป็นหนึ่งในอาวุธสังหารประชาชนและตำรวจจนมีผู้เสียชีวิตรวม 4 คน ทำให้เห็นถึงแนวโน้มล่าสุดในการก่อเหตุของกลุ่มก่อการร้ายที่หันมาใช้ยานพาหนะแทนอาวุธหนักกันมากขึ้น
               ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การใช้ยานพาหนะพุ่งชนฝูงชนนั้น ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่จำเป็นต้องพกพาระเบิดหรืออาวุธใดๆ และสามารถก่อเหตุตัวคนเดียวได้โดยไม่ต้องพึ่งเครือข่ายกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งรูปแบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงที่จะถูกจับได้โดยหน่วยงานความมั่นคง และนอกจากทำได้ง่ายแล้ว ยังมีต้นทุนถูกและหาทางป้องกันได้ยากด้วย
               นายเซบาสเตียง ปิเอตราซองตา สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคสังคมนิยมของฝรั่งเศสและผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อการร้ายกล่าวว่าการโจมตีลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษ อีกทั้งมีต้นทุนถูกและสามารถทำโดยใครก็ได้ ขณะเดียวกันส่วนใหญ่มักเป็นการก่อเหตุคนเดียวและเกิดขึ้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว
               เหตุการณ์ล่าสุดในกรุงลอนดอนไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มก่อการร้ายใช้รถก่อเหตุ โดยเมื่อปีที่ผ่านมา รถบรรทุกถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างหายนะต่อฝูงชนในเมืองใหญ่ของยุโรป ทั้งกรุงเบอร์ลินของเยอรมนีและเมืองนีซของฝรั่งเศส ซึ่งตรงข้ามกับการโจมตีอย่างเป็นระบบที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสของฝรั่งเศสและกรุงมาดริดของสเปน เช่นเดียวกับในกรุงลอนดอนเมื่อปี 2548 ที่กลุ่มคนร้ายแต่ละจุดต่างใช้วิธีระเบิดฆ่าตัวตายหรือกราดยิง
               ด้านกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส อ้างความรับผิดชอบต่อทั้งเหตุโจมตีในเมืองนีซเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว ที่คนร้ายขับรถบรรทุกพุ่งชนฝูงชนขณะร่วมงานวันชาติฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 86 คน และเหตุการณ์ในกรุงเบอร์ลินเมื่อเดือนธ.ค. ที่คนร้ายขับรถบรรทุกพุ่งชนเข้าไปในตลาดคริสต์มาส จนมีผู้เสียชีวิต 12 คน
               เมื่อปีที่แล้ว กลุ่มไอเอสยังเคยสนับสนุนให้ผู้อ่านนิตยสารออนไลน์ของตนที่ชื่อ “รูมิยาห์” ให้หันมาใช้ยานพาหนะในการสังหารและทำให้เหยื่อบาดเจ็บ
               นายไทสัน บาร์เกอร์ ผู้อำนวยการสถาบันแอสเพน กลุ่มคลังสมองในเยอรมนี กล่าวว่า เหตุโจมตีกรุงลอนดอนเป็นการตอกย้ำถึงความยากในการป้องกัน “เป้าหมายอ่อน” หรือเป้าหมายที่ขาดการป้องกัน และการ “ได้อย่างเสียอย่าง” ระหว่างความมั่นคงกับเสรีภาพในสังคมเปิดกว้างของโลกตะวันตก
               ขณะที่นายพอล พิลลาร์ อดีตนักวิเคราะห์อาวุโสของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐ หรือซีไอเอ กล่าวว่า แม้จะมีความกังวลมานานว่าผู้ก่อการร้ายจะวิธีการที่ซับซ้อนหรือไฮเทค แต่ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ก็จะเลือกวิธีสังหารคนที่ง่ายและไม่จำเป็นต้องฝึกฝนหรือมีขั้นตอนซับซ้อน
               ด้านนายฌอง-ชาร์ลส์ บริซาร์ ประธานศูนย์วิเคราะห์การก่อการร้าย ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในยุโรป กล่าวว่า เหตุโจมตีกรุงลอนดอนครั้งล่าสุดดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานของกลุ่มติดอาวุธ เพราะการขับรถพุ่งชนถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและหวังผลถึงชีวิตได้
               ขณะที่นางแอนน์ จูดิเซลลี ประธานบริษัทที่ปรึกษาด้านความมั่นคง “เทอร์โรริสค์” (Terr(o)risc) ในกรุงปารีส ระบุว่ามาตรการเฝ้าระวังที่เข้มงวดขึ้นในหลายเมืองใหญ่ ทำให้กลุ่มติดอาวุธเปลี่ยนกลยุทธ์โจมตีตามไปด้วยเพราะทุกครั้งที่รัฐบาลออกมาตรการใหม่ กลุ่มก่อการร้ายก็จะปรับกลยุทธ์ของตนเพื่อหาช่องโหว่ในมาตรการใหม่อยู่เสมอ
               ปัจจุบัน กลุ่มไอเอสกำลังตกอยู่ใต้แรงกดดันอย่างหนักทั้งในซีเรียและอิรัก ซึ่งหนึ่งในฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายของกลุ่มไอเอสอย่างเมืองโมซุล กำลังถูกทวงคืนพื้นที่อย่างหนักจากกองทัพรัฐบาลอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากแนวร่วมปราบปรามกลุ่มไอเอสที่อังกฤษเข้าร่วมด้วย ซึ่งทำให้อังกฤษยังตกเป็นเป้า “ล้างแค้น”ของกลุ่มติดอาวุธต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ