ผ่านฉลุยกม.ยุบพรรค จับตา“ฮุนเซน”สกัดฝ่ายค้านก่อนเลือกตั้ง

                    สภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาลงมติด้วยเสียงสนับสนุน 66 เสียงจากพรรคประชาชนกัมพูชา ( ซีพีพี) ที่เป็นพรรครัฐบาล ภายใต้นายกรัฐมนตรีฮุน เซน เห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง หลังการอภิปรายเพียง 1 ชม.ครึ่ง โดยพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่เข้าร่วมการอภิปรายและไม่ลงมติด้วย
                    ขั้นตอนต่อไป กฎหมายจะเข้าสู่วุฒิสภา และการลงพระปรมาภิไธยของกษัตริย์กัมพูชา แต่ทั้งสองขั้นตอนเป็นเพียงพิธีการเท่านั้น
                    ร่างกฎหมายนี้ ให้อำนาจรัฐบาลยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคการเมืองที่ละเมิดรัฐธรรมนูญ ปลุกระดม หรือผู้นำพรรคถูกตัดสินลงโทษในคดีอาญา

                    กระแสข่าวการผลักดันร่างกฎหมายทำให้นายสม รังสี ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้นำพรรคซีเอ็นอาร์พี เมื่อวันที่ 11 ก.พ.เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คดีที่เขาถูกยื่นฟ้องด้วยข้อหาหมิ่นประมาทหลายคดี ทำให้พรรคถูกยุบและหมดโอกาสเข้าร่วมการเลือกตั้ง
                    การเคลื่อนไหวของพรรครัฐบาลเป็นความพยายามกำจัดพรรคซีเอ็นอาร์พี ก่อนถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นกลางปี และการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561 ด้วยความวิตกต่อคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นของพรรคซีเอ็นอาร์พี ซึ่งได้คะแนนเสียงเกินความคาดหมายในการเลือกตั้งเมื่อปี 2556

                    พรรคซีเอ็นอาร์พี ระบุในแถลงการณ์ว่า การแก้ไขร่างกฎหมายจะทำลายความเป็นเอกภาพของชาติ และอาจถูกใช้กดขี่กับทำลายพรรคคู่แข่ง แต่โฆษกรัฐสภา ยืนยันว่า การแก้ไขกฎหมายเพื่อบังคับใช้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ได้ตั้งเป้าเล่นงานพรรคใดพรรคหนึ่ง

                    นายโอ วิรัค นักวิเคราะห์การเมืองกัมพูชา กล่าวว่า ประเด็นน่าวิตกของกฎหมายนี้คือ การให้อำนาจกระทรวงมหาดไทยสั่งระงับกิจกรรมต่างๆของพรรคการเมือง และให้ศาลฎีกาที่ขาดความเป็นกลางและไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน มีอำนาจชี้ขาดในการสั่งยุบพรรค แต่เขาคิดว่าซีพีพีน่าจะใช้กฎหมายนี้เป็นทางเลือกสุดท้าย  อาจใช้เพื่อมุ่งขจัดแกนนำระดับสูงมากกว่า 
                    ขณะที่ ดร. ลี มอร์เกนเบสเซอร์ นักวิจัยระบอบเผด็จการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยกริฟฟิท ในออสเตรเลีย เห็นต่างว่า ซีพีพีจะไม่ลังเลเลยเรื่องการยุบพรรค การผลักดันกฎหมายนี้ด้วยความเร็วสูง เป็นสัญญาณว่าซีเอ็นอาร์พีจะถูกยุบ
                    นักวิชาการท่านนี้ยังมองไปถึงว่า  การรักษาฉากหน้าประชาธิปไตย ไม่มีความจำเป็นในแง่ยุทธศาสตร์อีกต่อไปสำหรับรัฐบาลฮุนเซน การลงทุนมหาศาลของจีนทำให้กัมพูชาไม่ต้องพึ่งพิงการดำรงรักษาระบบเลือกตั้ง ประกอบกับรัฐบาลใหม่สหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้สนใจนโยบายต่างประเทศ จึงไม่ต้องหวั่นผลกระทบที่ตามมาหากมีการยุบพรรคซีเอ็นอาร์พีจริง