ข่าว

“โลภ”หรือ"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดโลกวันอาทิตย์ โดย..บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 
        แสนสงสารมะกันชนเป็นยิ่งนัก เมื่อถึงคราวต้องลุกขึ้นร่ำร้องเพรียกหา“จริยธรรมของนักการเมือง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ด้วยการทำเป็นแยกไม่ออกระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผลประโยชน์ของประชาชนและผลประโยชน์ส่วนตัว
       ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จึงออกจะเหนื่อยเป็นพิเศษในการต้องลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของลูก-เมีย ด้วยการทวิตข้อความด่ากราดไปทั่วว่ากำลังถูกมะกันชนรังแก ตั้งแต่ทวิตแสดงความไม่พอใจที่ศูนย์การค้าชื่อดัง “นอร์ดสตรอม” ยุติการขายสินค้าของอิวานกา ทรัมป์ ลูกสาวแสนรัก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหมดเนื่องจากยอดจำหน่ายลดลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว
 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

        ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก อีกครั้งที่ทรัมป์ต้องทวิตปกป้องการกระทำของ เมลาเนีย ทรัมป์ เมียรัก ที่ยื่นฟ้องใหม่เรียกค่าเสียหาย 150 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,400 ล้านบาท) จากเว็บไซต์เดลีเมล์ออนไลน์ สื่อมวลชนอังกฤษ ฐานปล่อยข่าวลือว่าเธอเคยเป็นสาวเอสคอร์ตหรือโสเภณีชั้นสูง ตอนที่เธอเดินทางไปถึงแดนดินถิ่นอินทรีใหม่ๆ เมื่อปี 2539 โดยหน้าฉากเป็นนางแบบโป๊เปลือยชาวสโลวีเนีย ก่อนที่ชีวิตของเธอจะพลิกผันกลายเป็นซินเดอเรลลาพบเจ้าชายในอีก 2 ปีต่อมา แม้ว่าเจ้าชายทรัมป์จะแก่กว่าถึง 24 ปีและผ่านการแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

        การที่สื่อประโคมข่าวใหญ่โตไม่ใช่เพราะเมลาเนียฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสื่อ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เธอเคยฟ้องเดลีเมล์ออนไลน์ และบล็อกเกอร์รายหนึ่ง ชื่อกริฟฟิน ทาร์เปลย์ แต่ฟ้องผิดศาลไปฟ้องที่ศาลแมรีแลนด์ ซึ่งตัดสินว่าไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจศาลแมรีแลนด์ เธอจึงมาฟ้องใหม่ที่ศาลนิวยอร์ก แต่ขณะเดียวกันก็สามารถประนีประนอมนอกศาลกับกริฟฟิน ทาร์เปลย์ที่ยอมจ่ายเงินก้อนโตให้แต่ไม่ระบุว่าจำนวนเท่าใด พร้อมกับตีพิมพ์คำขอโทษที่เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ส่วนเดลีเมล์ออนไลน์ ได้ถอดบทความที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมแล้ว โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเจตนาย้ำหรือบ่งชี้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นความจริง

 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

        แต่ที่สื่อและมะกันชนให้ความสนใจก็คือเนื้อหาคำฟ้องของเธอ ไม่ใช่เพื่อจะรักษาชื่อเสียงของเธอเองในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาร้ายแรงจนเสื่อมเสียซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นหญิงหรือความเป็นมนุษย์ หรือเพื่อปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่เมลาเนียกลับอ้างตรงไปตรงมาว่า เธอและแบรนด์สินค้า “เมลาเนีย” ทั้งเสื้อผ้า, เครื่องตกแต่ง, รองเท้า, เครื่องเพชรอัญมณี, เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาเส้นผมต้องพลาดโอกาสทำเงินเป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์ในรูปของค่าธรรมเนียม, ค่าการตลาด และโอกาสในการได้รับว่าจ้างให้เป็นผู้แนะนำสินค้า เพราะหากไม่มีการเผยแพร่ข่าวเท็จดังกล่าวแล้ว เธอสามารถเก็บเกี่ยวผลพลอยได้อันหาได้ยากชนิด “ครั้งหนึ่งในชีวิต” เป็นเวลาหลายๆ ปีทีเดียว จากการเป็นนักธุรกิจหญิงผู้ประสบความสำเร็จซึ่งแต่งงานกับประธานาธิบดีอเมริกัน และได้เป็น “หนึ่งในผู้หญิงที่ได้รับการถ่ายภาพมากที่สุดในโลก
       

 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

        ริชาร์ด เพนเทอร์ ที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช และเป็นหนึ่งในอัยการกลุ่มหนึ่งที่ฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์ว่าละเมิดรัฐธรรมนูญที่ห้ามประธานาธิบดีรับของขวัญหรือเงินจากต่างประเทศ ให้ความเห็นว่าภาษาที่ใช้ในคำฟ้องบ่งบอกว่าเธอกำลังทำผิดกฎหมาย กรณีใช้ตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมาแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว เพนเทอร์ย้ำว่าประโยคนี้ไม่มีความคลุมเครือแม้แต่น้อย เธอไม่ได้พูดถึงอนาคตแต่พูดถึงรายได้ในตอนนี้ “นับเป็นสถานการณ์เลวร้ายมากเมื่อเธอพูดชัดว่าหวังจะทำเงินก้อนใหญ่ ทางที่ดีรัฐสภาควรจะเข้าไปตรวจสอบ”

        เช่นเดียวกับกลุ่มสอดส่องจริยธรรมก็ได้ออกแถลงการณ์โจมตีเธอทันทีว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะแสวงหากำไรจากตำแหน่งสูงส่งนี้ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นจุดสนใจของประชาชนไม่ว่าจะไปไหนมาไหน

 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

        ด้านสก็อตต์ เอเมย์ ที่ปรึกษาของกลุ่มโครงการตรวจสอบรัฐบาลเสริมว่า เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนว่าครอบครัวหมายเลขหนึ่งกำลังทำอะไรที่ล้ำเส้นระหว่างบริการสาธารณะกับผลประโยชน์จากธุรกิจส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ทรัมป์ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ทำเนียบขาวได้เผยแพร่ประวัติของเมลาเนีย โดยระบุถึงคอลเลกชั่นเครื่องเพชรของเธอว่าสามารถหาซื้อได้จากช่องที คิววีซี แต่วันรุ่งขึ้นข้อความนี้ก็ถูกลบทิ้งแล้วแก้ไขใหม่ว่าเธอมีธุรกิจอัญมณีของตัวเอง

        “ลองคิดภาพสุภาพสตรีเป็นนางแบบโฆษณาเครื่องสำอางหรือแชมพูสระผม ดูแล้วเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุด แต่พอคิดว่าเธอเป็นเจ้าของธุรกิจความงามเป็นนางแบบ ดีไซเนอร์เครื่องประดับและเครื่องบำรุงผิวก่อนจะมารับตำแหน่งปัจจุบัน การจะคิดว่าเธอจะกลับไปยึดอาชีพนี้อีกในอนาคตก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง...เพียงแต่อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่ผ่านมาๆ ไม่มีใครคิดจะทำข้อตกลงต่างๆ แบบนี้มาก่อน” แอนน์ แมคโดนัลด์ อดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของนางลอรา บุช ให้ความเห็นก่อนจะเสริมว่า เมลาเนียเคยมีสินค้าของตัวเองจากการเป็นนางแบบ รวมถึงจากชื่อเสียงของสามี ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าตอนที่พ้นจากทำเนียบขาว ทรัมป์จะยังคงมีคะแนนนิยมท่วมท้นหรือไม่ พวกเขาอาจจะสามารถทำข้อตกลงใหม่ๆ ทั้งด้านการตลาดและลิขสิทธิ์สินค้า ที่ก่อนหน้าเข้ามาทำเนียบขาวไม่สามารถทำได้ก็ได้”

 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

        แอนน์ แมคโดนัลด์ เสริมด้วยว่า ปกติแล้วอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมักจะมีรายได้จากการเขียนหนังสือและจากค่าธรรมเนียมจากการเดินสายไปพูดตามที่ต่างๆ

        อย่างไรก็ดี แอนนิตา แมคไบรด์ ผู้บริหารศูนย์ศึกษารัฐสภาและประธานาธิบดีแห่งคณะกิจการสาธารณะ มหาวิทยาลัยอเมริกัน ซึ่งเคยทำงานให้ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันมา 3 คนกลับเห็นว่าการต่อสู้ของเมลาเนียเพื่อปกป้องแบรนด์ของเธอเองคุ้มค่าพอที่จะต่อสู้เพราะเธอมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของเธอเอง เธอต้องการให้มีการบันทึกชัดเจนว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ พร้อมกับเสริมว่าเรื่องของชื่อเสียงเป็นหนึ่งในธุรกิจของทรัมป์ที่ให้ความสำคัญมาก  จากเรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เธอเสียโอกาสในการทำกำไรระหว่างเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
        เรื่องได้บานปลายออกไปกลายเป็นการประณามเมลาเนียว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ยอมลุกขึ้นมาทำอะไรให้สมฐานะคุณผู้หญิงแห่งทำเนียบขาวบ้าง ดีแต่สร้างประวัติพิเรนทร์ๆ ตั้งแต่เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกที่ไม่ยอมย้ายเข้าไปอยู่ในทำเนียบขาวพร้อมประธานาธิบดี อ้างว่าต้องดูแลลูกที่ยังเรียนอยู่ที่นิวยอร์กจนกว่าจะหมดเทอมจึงจะย้ายไปเรียนที่วอชิงตัน ทำให้รัฐต้องนำภาษีของประชาชนไปใช้ในการจ้างตำรวจลับไปคอยดูแลความปลอดภัยให้ที่ทรัมป์ ทาวเวอร์
        นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าว่าเมื่อเข้ามาทำหน้าที่นี้แล้ว เธอต้องการจะทำอะไรเพื่อตอบแทนสังคมบ้าง อย่างมิเชล โอบามา เธอประกาศชัดตั้งแต่วันแรกๆ ว่าต้องการรณรงค์ไม่ให้เด็กอ้วน ถึงขั้นปลูกผักในทำเนียบขาว ฮิลลารี คลินตัน เน้นเรื่องของการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสและสิทธิของคนหลากหลายทางเพศ หรือเอลินอร์ รูสเวลท์ เน้นเรื่องสิทธิสตรี เป็นต้น หรือจะทำหน้าที่แม่บ้านเต็มตัวเหมือนอดีตสุภาพสตรีอีกหลายคนก็ได้

 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

       จนถึงขณะนี้ หลายคนยังเดาไม่ออกว่าเมลาเนียจะยังคงเก็บตัวเงียบเช่นนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน เธอจะทำตัวสมกับเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่สุดแสนทันสมัยสมในศตวรรษที่ 21
        แคทเธอลีน เจลีสัน ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโอไฮโอให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องไม่เคยปรากฏมาก่อน ปกติแล้วสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนอื่นๆ จะต้องยืนเคียงคู่กับสามีตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่ออกจากทำเนียบขาว ไม่ใช่ต้องรอไปก่อนหลายเดือนแบบนี้ และปกติแล้วสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะเริ่มกำหนดวาระของตัวเองในเดือนมีนาคมหรือไม่เกินเมษายนว่าจะชอบทำงานเพื่อสังคมด้านไหน เพื่อเสริมงาน 100 วันของประธานาธิบดีให้ดูดีมีค่ามากขึ้น

 

“โลภ”หรือ\"ไม่รู้หน้าที่”? เมลาเนีย ทรัมป์ถูกตั้งคำถาม

 

        เจลลีวันชี้ว่า เมลาเนียอาจจะทะลายกรอบเก่าๆ ทั้งหมด ไม่ต้องทำตัวเป็นแม่และเมียที่สมบูรณ์พร้อมเพื่อเป็นแบบอย่างให้ชาวอเมริกันเหมือนในอดีต เพราะหน้าที่ของสุภาพตรีหมายเลขหนึ่งเป็นหน้าที่ทางการแต่ไม่มีผลผูกมัดทางกฎหมาย


        ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนเห็นด้วยว่าสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งควรจะเป็นอิสระเพื่อสะท้อนโลกแห่งความเห็นจริงในสมัยศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่ต้องให้สามีเป็นช้างเท้าหน้าเหมือนก่อนอีก
อีกไม่นาน มะกันชนคงได้เห็นกันว่าสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งจะเป็นเช่นใด
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ