ประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐเซ็นถอนตัวจากข้อตกลงทีพีพี ตามสัญญาหาเสียง
24 ม.ค. เข้าทำงานวันแรกของสัปดาห์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลงนามยกเลิกความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) อย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ ( 23 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น นำไปสู่การถอนตัวของสหรัฐออกจากการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสมาชิก 12 ประเทศ คิดเป็น 40% ของเศรษฐกิจโลก
ในโอกาสนี้ ทรัมป์กล่าวว่า เพิ่งทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อแรงงานอเมริกัน
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐคนใหม่ ยังลงนามในคำสั่งอีก 2 ฉบับ ระงับการว่าจ้างลูกจ้างของรัฐบาลกลางในองค์กรที่ไม่ใช่องค์กรทางทหาร และจำกัดการให้เงินช่วยเหลือองค์กรเอกชนในประเทศ หรือองค์กรต่างชาติ ที่ให้การสนับสนุนด้านการทำแท้ง ประเด็นแตกแยกทางความคิดของชาวอเมริกัน
การลงนามล้มทีพีพีของทรัมป์ ถูกมองว่า เป็นการกระทำในเชิงสัญลักษณ์เสียมากกว่า เนื่องจากสหรัฐฯยังไม่ได้ให้สัตยาบันในทีพีพี และยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส หลายฝ่ายรวมถึงกลุ่มการเมืองแนวซ้ายในสหรัฐฯ เห็นด้วยกับการดำเนินการของทรัมป์ในเรื่องนี้ เพราะมองว่าทีพีพีจะเป็นหายนะ ทำให้ชาวอเมริกันตกงานหลายล้านคน
ทีพีพีถูกมองว่า เป็นมรดกตกทอดภายใต้นโยบาย "ปักหมุดเอเชีย" ของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์ต้องการส่งสัญญาณว่า เขากำลังทำตามสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียง ในการใช้จุดยืนที่ก้าวร้าวมากขึ้นต่อคู่แข่งต่างชาติ และชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในการบริหารประเทศของสองพรรค โดยประธานาธิบดีของรีพับลีกันมักจะรีบดำเนินการเกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆ ในทันทีที่ได้รับอำนาจ ในขณะที่ประธานาธิบดีของเดโมแครตจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทรัมป์ยังได้พบกับผู้บริหารของฟอร์ด, เดล เทคโนโลยีส์, เทสลาและอีกหลายบริษัท โดยสัญญาว่าจะปรับลดภาษีสำหรับบริษัทลงจาก 35 % เหลือ 15-20% รวมถึงปรับลดกฎระเบียบต่างๆ ลงกว่า 75 % ถ้าบริษัทเหล่านี้ ยอมคงตำแหน่งงานไว้ในสหรัฐฯ
ทั้งหมดนี้เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในระหว่างหาเสียงว่า จะดึงการจ้างงานภายนอกกลับคืนมาสู่สหรัฐฯ หลังจากเคยขู่ธุรกิจที่ย้ายโรงงานไปต่างประเทศว่าจะต้องชดใช้อย่างหนักหน่วง เนื่องจากจะมีการกำหนดภาษีสูงลิบสำหรับสินค้านำเข้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง