มะกันสองล้านร่วมชุมนุม"วีเมนส์ มาร์ช"ต้านทรัมป์

 

            วอชิงตัน ดีซี กลายเป็นทะเลสีชมพู เมื่อผู้หญิงจากทั่วสหรัฐรวมถึงผู้ชายจำนวนมาก  พร้อมใจกันสวมหมวกถักไหมพรมสีชมพูที่เรียกว่า หมวกพุสซี่ หลั่งไหลเดินทางมาร่วมแสดงพลังครั้งใหญ่ในชื่อ วีเมนส์ มาร์ช ( Women’s March ) หนึ่งวันหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45  อย่างเป็นทางการ ผู้จัดประเมินว่ามีผู้ชุมนุมเข้าร่วม 5 แสนคน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้สองเท่า

 

 

( ผู้ประท้วงทิ้งป้ายประท้วงไว้ที่หน้าทำเนียบขาว )   

 

          การชุมนุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสะท้อนความวิตกว่าความก้าวหน้าด้านความเท่าเทียมทางเพศสภาพในสหรัฐ สิทธิการคุมกำเนิดและการทำแท้ง อาจก้าวถอยหลังภายใต้รัฐบาลทัรมป์

            สื่อหลายสำนักรายงานว่า มวลชนใน วีเมนส์ มาร์ช ที่ออกมารวมตัวกันในวันเสาร์ที่ 21 มกราคม มากกว่าชาวอเมริกันที่ออกมาร่วมเป็นสักขีพยานการสาบานตนรับตำแหน่งของทรัมป์ และส่อเค้าว่าจะกลายเป็นการชุมนุมประท้วงการสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน

 

 

            สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพรถไฟใต้ดินมีผู้ชุมนุมโดยสารแน่นขนัด และการรถไฟใต้ดินดีซี แจ้งว่าจำนวนผู้โดยสารเมื่อเวลา 11.00 น. อยู่ที่ประมาณ 2.75 แสนคน มากกว่าวันเสาร์ปกติ 8 เท่า ขณะที่การโดยสารในวันสาบานตน เวลาเดียวกันอยู่ที่ 1.93 แสนคน ซึ่งไม่ผิดปกติไปจากวันศุกร์ธรรมดา  

 

 

            สำหรับหมวกไหมพรมสีชมพูมีหูแมว ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประท้วงทรัมป์ และแสดงความเป็นหนึ่งเดียว  มีที่มาจากคำพูดสุดอื้อฉาวของทรัมป์เมื่อหลายปีก่อน ในเทปเสียงลับที่ถูกนำมาเปิดโปงในช่วงหาเสียงว่า  เมื่อโด่งดังมีชื่อเสียงแล้ว จับอวัยวะเพศผู้หญิงได้โดยไม่ต้องกลัวความผิด

          ป้ายประท้วงส่วนใหญ่มีข้อความไปในทางต่อต้านการดูถูกผู้หญิงของทรัมป์ เรียกร้องการเคารพ ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ไม่ลดทอนสิทธิการทำแท้ง

          เหล่าคนดังในแวดวงบันเทิงขึ้นเวทีปราศรัยหลายคน อาทิ สการ์เล็ต โยฮันซัน  อเมริกา เฟร์เรรา ดารานำจาก Ugly Betty แอชลีย์ จัดด์ ไมเคิล มัวร์ และมาดอนนา นักร้องดังที่ถูกวิจารณ์เพราะสบถแทบตลอดเวลาปราศรัยขณะสถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสด

 

( ภาพ AFP ชุมนุมที่แอลเอ ) 

            นอกจากที่วอชิงตันดีซีแล้ว การชุมนุมแบบเดียวกันยังเกิดขึ้นในอีกหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐและทั่วโลกหลายร้อยแห่ง อย่างลอสแองเจลิส ที่ตำรวจประเมินจำนวนผู้ชุมนุม 5 แสนคนเช่นกัน  บอสตัน ชิคาโก ฟิลาเดลเฟีย และไกลถึงรัฐอะแลสกาที่อุณหภูมิติดลบ 15 องศา และหลายเมืองทั่วโลก เช่นที่ลอนดอน ประเมินว่ามีการชุมนุมแสดงพลังหญิงต่อต้านประธานาธิบดีทรัมป์ราว 1 แสนคน

 

( จตุรัสทาลฟัลการ์ ลอนดอน ) 

 

            ก่อนหน้านั้น มีการชุมนุมต่อต้านทรัมป์ในหลายเมืองของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชีย โดยผู้จัดชุมนุมในซิดนีย์ กล่าวว่า ความเกลียดชัง การพูดเพื่อสร้างความเกลียดขัง ใจแคบ การเลือกปฏิบัติ นโยบายจากอคติ ไม่ใช่ปัญหาของอเมริกันอย่างเดียวแต่เป็นปัญหาของโลก ส่วนเมืองในยุโรปที่จัดชุมนุม เช่นปารีส บาร์เซโลนา โรม อัมสเตอร์ดัม เจนีวา บูดาเปสต์ ปราก และเบอร์ลิน