ก่อนพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐไม่กี่วัน  บารัค โอบามา สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศอภัยโทษแก่นักโทษ 64 คน และลดโทษอีก 209 คน หนึ่งในนั้นคือ เชลซี แมนนิง หรืออดีตสิบตรี แบรดลีย์ แมนนิง วัย 29 ปี ที่ถูกตัดสินจำคุก 35 ปี เมื่อสิงหาคม 2556 ในข้อหาจารกรรมและความผิดอื่นๆ หลังสารภาพว่าเป็นคนมอบเอกสารจัดชั้นความลับการทูตและการทหารร่วม 7 แสนชิ้นแก่เวบไซต์ วิกิลีกส์ ที่ต่อมา นำไปเผยแพร่ต่อ จนกลายเป็นการรั่วไหลความลับครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ เมื่อปี 2553

 

วิบากกรรมของพลทหารจอมแฉ'แบรดลีย์ แมนนิง'

 

            การลดโทษจะทำให้แมนนิงได้รับอิสรภาพในวันที่ 17 พฤษภาคมนี้แทนถูกจำคุกถึงปี 2588 

            แมนนิง พยายามฆ่าตัวตายสองหนขณะถูกคุมขังในเรือนจำชายที่ฟอร์ท ลีฟเวนเวิร์ท รัฐแคนซัส และอดอาหารประท้วงเมื่อปีที่แล้ว ก่อนยุติลงหลังจากกองทัพสหรัฐอนุญาตให้เธอเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมนให้เป็นเพศหญิง

          วิกิลีกส์ ประกาศชัยชนะ และขอบคุณผู้ที่ร่วมรณรงค์ปล่อยตัวแมนนิง

         ขณะจอห์น แมคเคน สมาชิกวุฒิสภาจากรีพับลิกัน กล่าวว่า การตัดสินใจของโอบามา เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ และเกรงว่าจะเป็นการยุส่งให้กระทำจารกรรม

 

 

          แมนนิง ถูกตัดสินมีความผิดรวม 22 กระทง จากการครอบครองและเผยแพร่เอกสารลับการทูต การทหารและคลิปวิดีโอกว่า 7 แสนชิ้น ระหว่างประจำการในอิรัก ขณะทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรอง ช่วงพฤศจิกายน 2009 ถึงพฤษภาคม 2010 โดยหนึ่งในนั้น เป็นวิดีโออื้อฉาวแฉเหตุการณ์ที่เฮลิคอปเตอร์อาปาเชสหรัฐ ยิงสังหารพลเรือน 12 รายในกรุงแบกแดดเมื่อปี 2550

         นอกจากนี้ แมนนิงยังรั่วเคเบิลการทูต การประเมินข่าวกรองต่อตัวนักโทษกวนตานาโมที่ถูกขังโดยไม่มีการพิจารณาคดี และเอกสารทางทหารอีกมากจากสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน  

          ในการไต่สวนเพื่อพิจารณาลงโทษ แมนนิงขอโทษที่ทำร้ายประเทศชาติ และยอมรับว่าเธอเข้าใจผิดไปเองว่าการแพร่งพรายความลับ อาจเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นได้

          แม้อภัยให้กับอดีตทหารรายนี้ แต่ทำเนียบขาวได้ชี้ความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างแมนนิง ที่ผ่านการพิจารณาโทษและยอมรับผิด กับกรณีของเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ที่หลบหนีไปฮ่องกงก่อนไปปักหลักที่รัสเซีย หลังเปิดโปงโครงการสอดแนมลับทั่วโลกของหน่วยงานข่าวกรองอเมริกัน