อิสราเอล 8 หมื่นหนีไฟป่า-โทษวางเพลิงก่อการร้าย

 

            25 พ.ย.59 เมืองไฮฟา เมืองใหญ่อันดับสามทางภาคเหนือของอิสราเอล เผชิญไฟป่ารุนแรงที่กำลังไหม้ลามอาคารบ้านเรือนเป็นวันที่สาม และยังไม่มีท่าว่าจะควบคุมได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งมานานร่วมสองเดือนบวกกับกระแสลมแรง  ทางการแนะนำหรือสั่งอพยพประชาชนออกจากบ้านเรือนกว่า 8 หมื่นคน หรือหนึ่งในสี่ของประชากรในเมือง ถือเป็นการอพยพหนีไฟป่าจำนวนมากอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

 

            ตำรวจประเมินว่า มีไฟไหม้ในสถานที่ต่างๆรวมกว่า 200 จุดทั่วประเทศ รวมถึงใกล้เมืองหลวงเยรูซาเลม

            ผู้นำชุมชนคนหนึ่งกล่าวว่า ไฟไหม้ยังคุมไม่ได้ ลามจากบ้านหนึ่งไปอีกหลัง บางครั้งต้องบังคับนำคนออกจากบ้านแบบไม่เต็มใจ

            ชาวเมืองไฮฟาที่หนีออกจากบ้าน เล่าว่า ไฟน่ากลัวมาก ลุกโชนสูงเท่าตึก 20 ชั้น และเชื่อว่าครั้งนี้อันตรายกว่าไฟป่าเมืองไฮฟาเมื่อปี 2553 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 44 คน รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล

           หน่วยกู้ภัยเผยว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 60 คน จำนวนมากจากสำลักควัน

            ขอบข่ายความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ แน่ชัด แต่เวลานี้ พื้นที่กว้างขวางทางใต้ของเมืองไฮฟา ถูกปกคลุมไปด้วยควันหนาทึบและเถ้าถ่านที่ลมหอบมา เครื่องบินขึ้นบินทิ้งน้ำและผงเคมีดับไฟแทบทุกสองสามนาทีเพื่อพยายามจำกัดวง

 

 

 

            อิตาลี ตุรกี ไซปรัส ฝรั่งเศสและรัสเซีย กับบริษัทแห่งหนึ่งในสหรัฐ  กำลังส่งความช่วยเหลือมาให้อิสราเอล ไฟป่าเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ได้ความช่วยเหลือทั้งเครื่องบินและบุคลากรจากกว่า 16 ประเทศจึงสามารถดับไฟได้

            นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวว่า ไฟไหม้ครั้งนี้อาจเป็นฝีมือของพวกลอบวางเพลิงโดยมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง และไฟไหม้ที่เกิดจากการลอบวางเพลิงหรือยุยงให้ลอบวางเพลิง ซึ่งทางการพบเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ อิสราเอลจะถือเป็นการก่อการร้าย

 

     

            นายกิลาด เอร์ดัน รัฐมนตรีมหาดไทยอิสราเอล กล่าวว่า ไฟไหม้กว่าครึ่ง เป็นการก่อการร้ายวางเพลิง ขณะรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง โทษว่าอาจเป็นฝีมือของชนกลุ่มน้อยอาหรับ