ข่าว

อาชญากรรมความเกลียดชังพุ่งหลังทรัมป์ชนะ

อาชญากรรมความเกลียดชังพุ่งหลังทรัมป์ชนะ

11 พ.ย. 2559

การสาดคำพูดเหยียดผิว-กราฟฟิตีรูปสวัสดิกะ เพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง เผยฮอตไลน์ปรึกษาฆ่าตัวตายรับสายเพิ่ม 140%

 

            สองวันหลังโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีวัย 70 ปี กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและสื่อสังคมออนไลน์ แจ้งเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าพฤติกรรมสะท้อนความเกลียดชังด้านเชื้อชาติเพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐ

            ผู้เห็นเหตุการณ์ที่ร้านกาแฟในเมืองลับบ็อก รัฐเท็กซัส เล่าว่าเห็นชายสวมหมวกมีสโลแกน "Make America Great Again" ของทรัมป์ พูดใส่ครอบครัวหนึ่งที่น่าจะมาจากตะวันออกลางว่า ทรัมป์กำลังจะสร้างกำแพงแล้วและจะเตะพวกคุณออกไป ก่อนถูกพนักงานมาเชิญตัวออกจากร้าน

 

 

            สมาคมนักศึกษามุสลิม มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก โพสต์ภาพและบรรยายว่านักศึกษาวิศวกรรมพบคำว่า “ Trump” บนประตูห้องละหมาด

 

 

                          มือดีจุดไฟเผาธงสีรุ้งของชาวเกย์ ในเมืองโรเชสเตอร์ นิวยอร์ก

 

       

                 ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ตำรวจล่าตัวชายผู้ต้องสงสัยพ่นสีเป็นรูปสวัสดิกะ สัญลักษณ์ของฮิตเลอร์ บนกระจกหน้าร้านค้า

 

 

            นอกจากนี้ ยังมีการพ่นสีเป็นรูปสวัสดิกะขนาดใหญ่อีกแห่ง ในเวลส์วิลล์  รัฐนิวยอร์ก พร้อมกับข้อความ"ทำให้อเมริกาขาวอีกครั้งหนึ่ง"

      

            ที่น่าตกใจคือเหตุการณ์ลักษณะนี้ยังเกิดในโรงเรียนด้วย เช่นที่โรงเรียนมัธยมปลาย ในเมืองเซนเตอร์ วัลเลย์ รัฐเพนซินวาเนีย นักศึกษาตะโกนเหยียดเกย์ใส่เพื่อนร่วมชั้น และเรียกเพื่อนผิวดำว่า "พวกเก็บฝ้าย" และใช้คำบูชาฮิตเลอร์

            ที่โรงเรียน เดวิตต์ รัฐมิชิแกน นักเรียนมัธยมต้น รวมตัวเป็นกำแพงมนุษย์ขวางเพื่อนเชื้อสายละตินไม่ให้เข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องเรียน กับมีรายงานว่านักเรียนชายผิวขาวที่โรงเรียนมัธยมอีกแห่งในมิชิแกน ตะโกนคำว่า”สร้างกำแพง”ในโรงอาหารช่วงพักกลางวัน

           ทั้งนี้ แม้ทรัมป์แสดงท่าทีปรองดองเมื่อตอนแถลงหลังได้รับชัยชนะ โดยสัญญาว่าจะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน แต่หลายฝ่ายกังวลว่า การใช้ถ้อยคำยั่วยุตลอดการหาเสียงนานนับปีของเขา อาจกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงและความไม่อดกลั้นในสังคมหลากเชื้อชาติ 

           ด้าน ศูนย์สายด่วนป้องกันการฆ่าตัวแห่งชาติในสหรัฐ แจ้งว่าในคืนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี มีประชาชนจำนวนมากโทรเข้ามาขอคำปรึกษา โดยก่อนรู้ผล จำนวนสายเพิ่มขึ้น 30% ด้วยความกระวนกระวายใจ และในช่วงกลางคืน จำนวนสายโทรเข้าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 140%  คล้ายกับเมื่อตอนที่โรบิน วิลเลียมส์ ฆ่าตัวตายในปี 2557