ข่าว

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปูมหลังที่มาความสัมพันธ์ของประธานาธิบดีหญิง ปักกึนเฮ กับเพื่อนสนิท ที่ก่อเรื่องอื้อฉาวเขย่าเกาหลีใต้



             ตลอด 3 ปี 9 เดือนในตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ถูกวิจารณ์หลายเรื่อง โดยเฉพาะการรับมือหลังโศกนาฏกรรมเรือโดยสารเซวอลล่มเมื่อปี 2557 นโยบายการทูตง่อนแง่น ขาดการสื่อสารกับทีมที่ปรึกษาและประชาชน แต่อย่างน้อย ประธานาธิบดีปัก กึน เฮ ได้เครดิตเรื่องใจซื่อมือสะอาด ปลอดเรื่องอื้อฉาวทุจริตที่คนในครอบครัวทำพิษ แบบที่ผู้นำเกาหลีใต้คนก่อนมักเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงปีท้ายๆ ก่อนหมดอำนาจ ซึ่งอาจเป็นเพราะประธานาธิบดีวัย 64 ปี ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีครอบครัวของตัวเอง

            แต่ขณะเหลือเวลาอีกปีเศษ เครดิตที่สั่งสมทำท่าจะหมดสิ้น ด้วยคนอีกตระกูลที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของอดีตบุตรสาวผู้นำประเทศอย่างคลุมเครือและเต็มไปด้วยเรื่องเล่านับจาก 40 ปีที่แล้ว 

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

(ชเว ซุน ซิล ภาพ AFP ) 

 

             เวลานี้ อัยการเกาหลีใต้กำลังระดมทีมสอบอย่างอลังการที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อคลี่คลายเรื่องอื้อฉาวโยงใยซับซ้อนราวกับพล็อตละครเกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องบทล้ำลึก แต่นี่เป็นดราม่าการเมืองนอกจอที่มีชื่อเรื่องว่า “ชเวซุนซิลเกต” หรือสั้นๆ ว่า ชเวเกต ตามชื่อของเพื่อนสนิทของประธานาธิบดีปัก กึน เฮ ที่ถูกกล่าวหาดังต่อไปนี้​


            -ปรับแต่งแก้ไขสุนทรพจน์ประธานาธิบดี อันหมายความว่าเอกสารที่ควรเป็นความลับก่อนถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ ผ่านมือและความเห็นของคนคนหนึ่งที่ไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล แต่เธอบอกหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในเกาหลีใต้ว่า ช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ เธอช่วยหาถ้อยคำเหมาะสมอย่างที่ประธานาธิบดีปักต้องการได้ เพราะรู้ใจ

            - ประเมินรายงานที่ส่งถึงประธานาธิบดี หนึ่งในทีมที่ปรึกษาประธานาธิบดีที่เวลานี้ถูกแจ้งข้อหาแล้ว ส่งเอกสารหนาร่วม 1 ฟุตให้ชเวเกือบทุกคืน เพื่อให้เธอนำไปใช้ถกกับทีมที่ปรึกษาของตัวเอง ได้ข้อสรุปอย่างไรแล้วจึงส่งต่อกลับไปยังชองวาแด หรือทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ต่อมาจะกลายเป็นนโยบาย หรือโผการแต่งตั้งบุคคล

             ที่น่าตกใจคงเป็นนโยบายละเอียดอ่อนอย่างเกาหลีเหนือ ชเว ซุน ซิล คาดการณ์ว่าระบอบคิมจะล่มสลายในสองปี และประธานาธิบดีหญิงก็ดำเนินนโยบายไปตามฐานแนวคิดนี้ สุนทรพจน์เมื่อปี 2557 ที่เผยวิสัยทัศน์เรื่องการรวมชาติ ถูกพบอยู่ในแล็ปท็อปของเธอ นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยด้วยว่า การตัดสินใจสายฟ้าแลบสั่งปิดนิคมอุตสาหกรรมแคซอง รูปธรรมเดียวในการดำรงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ก็มาจากการตัดสินใจของเธอคนนี้ เป็นมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือที่จุดประเด็นขัดแย้งอย่างมาก

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

( ชองวาแด / ทำเนียบประธานาธิบดี ภาพ AFP ) 


            -ใช้อิทธิพลความเป็นคนสนิทของประธานาธิบดี ระดมทุนราว 8 หมื่นล้านวอนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ 19 แห่ง อาทิ ซัมซุง ฮุนไดมอเตอร์ แอลจี และเอสเค ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ เพื่อตั้งมูลนิธิสองแห่งด้านกีฬาและวัฒนธรรมเมื่อปีที่แล้ว โดยหลังเปิดตัวไม่นาน สององค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ตั้งขึ้นมาเริ่มเข้าไปรับผิดชอบจัดงานด้านวัฒนธรรม โดยมีรัฐมนตรีช่วยกระทรวงกีฬา วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ถูกกล่าวหาให้ความร่วมมือ ขณะที่เอเจนซีศิลปินเกาหลี รวมถึงนักร้องดัง ไซ พากันออกมาปฏิเสธเป็นการใหญ่ ว่าไม่เคยมีความเกี่ยวกับอีเวนท์ใดที่ชเวซุนซิลอยู่เบื้องหลัง 

            เงินมหาศาลที่ระดมเข้ามูลนิธิ ยังถูกยักย้ายถ่ายเทเข้าบริษัทที่ตั้งขึ้นบังหน้าในเยอรมนีในชื่อของเธอและบุตรสาว ซื้อโรงแรมสามดาวขนาด 11 ห้อง ห่างจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตราว 40 กิโลเมตรเมื่อเดือนพฤษภาคม กับบ้านสองหลัง โดยหลังหนึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรม ส่วนอีกหลังอยู่ใกล้กับโรงเรียนสอนขี่ม้า เพื่อให้บุตรสาว ซึ่งเป็นนักกีฬาขี่ม้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมครั้งที่แล้ว ได้ฝึกฝน

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด
ประธาน ม.ชั้นนำเกาหลีใต้ลาออกเซ่นข้อหาลูกสาวบิ๊กใช้เส้น

 

            - ใช้เส้นส่ง ชอง ยูรา บุตรสาววัย 20 ปี เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยสตรีล้วนเก่าแก่ อีฮวา แถมยังได้เกรดดี ทั้งที่ขาดเรียนบ่อยและไม่ได้ส่งงานตามกำหนด เมื่อเรื่องแดงออกมา ประธานมหาวิทยาลัยต้องลาออก ท่ามกลางกระแสประท้วงภายในมหาวิทยาลัยในเรื่องอื่นผสมกับเรื่องนี้

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด


           ( ประธานาธิบดีปัก กึน เฮ แถลงขอโทษ 2 ครั้งแล้วนับจากเผชิญวิกฤติการเมือง ภาพ AFP )


            ชาวเกาหลีใต้ช็อกที่จู่ๆ คนคนหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ได้เลือกตั้งมา เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตพวกเขาอยู่หลังฉาก และตอกย้ำกระแสเสียงวิจารณ์กระบวนการตัดสินใจของประธานาธิบดีหญิง ที่ไม่ให้น้ำหนักกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ แต่ฟังผู้ภักดีรอบตัวที่คอยกันคนอื่นไม่ให้เข้าถึง และเลยไปถึงขั้นว่า ผู้นำหญิงตกอยู่ใต้มนต์สะกดกลุ่มคลั่งลัทธิ เชื่ออำนาจคนทรงเจ้าเข้าผี ซึ่งประเด็นนี้ จุดความโกรธแค้นมากที่สุด เพราะเหมือนกับการตบหน้าประชาชน หรือหากไม่ได้ตกอยู่ใต้มนต์สะกดใดแล้ว เหตุใดจึงได้ปล่อยให้คนใกล้ตัวคบคิดกันก่อความเสียหายต่อเกียรติภูมิประเทศเช่นนี้ 

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

 


            เสียงเรียกร้องให้ผู้นำเกาหลีใต้ลาออก หรือให้สภาเริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนดังขึ้นอื้ออึง มีการประท้วงของมวลชนเรือนแสนในกรุงโซล และคะแนนนิยมที่ตกลงมาอยู่ที่ 5% สะท้อนว่าแม้แต่แฟนพันธุ์แท้ก็หันหลังให้ กระนั้น ประธานาธิบดีปัก กึน เฮ เลือกที่จะลดแรงกดดันด้วยการแสดงความพร้อมให้อัยการสอบสวนเธอได้ แทนลาออก


เริ่มต้นจากจดหมายปริศนา


             ตื้นลึกหนาบางความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีปัก กึน เฮ กับตระกูลชเว เป็นที่สงสัยและลือกันมานานในเกาหลีใต้ และเริ่มเป็นข่าวแพร่ออกนอกประเทศ เมื่อเว็บไซต์วิกิลีกส์แฉเคเบิลการทูตจากสถานทูตสหรัฐทั่วโลกเมื่อปี 2550 ว่า ฝ่ายค้านเกาหลีเรียก ชเว แท มิน ว่า รัสปูตินเกาหลี มีข่าวลือว่า ชเว แท มิน บิดาของชเว ซุน ซิล ครอบงำประธานาธิบดีปักทั้งกายและใจมาตั้งแต่ยังเยาว์ และลูกๆ ของเขาก็ร่ำรวยไปตามๆกันด้วยประการฉะนี้   ขณะที่สื่อเกาหลีใต้ก็มักให้ภาพเพื่อนสนิทของเธอว่ามีลักษณะเหมือนรัสปูติน ที่ใช้อิทธิพลบางอย่างครอบงำผู้นำประเทศ  และการเข้ามามีบทบาทของชเว ซุน ซิล อยู่หลังฉาก เป็นเหตุให้ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีล่าถอยไปหลายคน

            ชเว แท มิน มีปูมหลังที่คลุมเครือ เขาเคยบวชเป็นพระสงฆ์และเปลี่ยนไปนับถือคริสต์โรมันคาทอลิก ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้ง ลัทธิชีวิตนิรันดร์ ที่ไม่มีใครรู้จักนักในคริสต์ทศวรรษที่ 1970 โดยผสมผสานความเชื่อพุทธศาสนา คริสต์ และลัทธิชอนโด ที่แพร่หลายในต้นศตวรรษที่ 20  ผสมหลักขงจื๊อและลัทธิชามาน ที่บูชาภูติผีปีศาจ ผู้นำลัทธินี้อ้างตนเป็นพระพุทธเจ้ายุคใหม่ บ้างก็ตีตนเสมอพระเจ้าทันกุน ในตำนานผู้ก่อตั้งอาณาจักรโชซอน เขาอ้างว่าทุกคนเป็นพระเจ้ามาก่อน และควรดิ้นรนไถ่บาปเพื่อให้เป็นพระเจ้าอีกครั้งและเพื่อมีชีวิตนิรันดร์
 
            น.ส.ปัก กึน เฮ ที่กำลังช็อกและโศกเศร้าหลังสูญเสียมารดาจากกระสุนสายลับเกาหลีเหนือที่จริงๆ มุ่งสังหารประธานาธิบดีปัก จุง ฮี บิดาของเธอ ในปี 2517 ได้รับจดหมายจากผู้นำลัทธิชีวิตนิรันดร์ และบุตรสาวประธานาธิบดีก็เชิญผู้เขียนจดหมายฉบับนั้นมาเข้าพบ โดยถึงปัจจุบัน ทั้งผู้เขียนและผู้รับไม่เคยเปิดเผยเนื้อหาแต่มีรายงานว่า ชเว แท มิน อ้างว่ามารดาของเธอมาเข้าฝันขอให้ช่วยเหลือลูกสาว

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

( ปักกึนเฮ กับชองแทมิน เมื่อ 21 มิ.ย.2518 ภาพ Yonhap )


            นับแต่นั้นมา ชเวกลายเป็นเพื่อนต่างวัยห่างกัน 40 ปี และเป็นผู้ให้คำแนะนำสำคัญแก่ปัก กึน เฮ ที่ต้องทำหน้าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งตั้งแต่อายุ 23 ปี และมีบทบาทไม่น้อยจนเกิดความไม่พอใจในหมู่ที่ปรึกษาและคนใกล้ชิดบิดาของเธอ
            ปัก กึน เฮ รู้จักและเริ่มสนิทสนมกับชเว ซุน ซิล ในปี 2522 เมื่อบิดาของฝ่ายหลัง ช่วยจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครสนับสนุนรัฐบาลชื่อ ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อจิตสำนึกใหม่ ที่มีปัก กึน เฮเป็นประธานกิตติมศักดิ์ ส่วนชเว คนลูก ซึ่งเป็นนักศึกษา เป็นหัวหน้าปีกยุวชน
            มีข่าวลือสะพัดว่า องค์กรที่ตั้งขึ้นมานี้เอง คือช่องทางกอบโกยของครอบครัวชเวจนร่ำรวย โดยใช้ความสัมพันธ์กับครอบครัวผู้นำเรียกรับสินบน
            ความวิตกถึงอิทธิพลของครอบครัวชเว น่าจะเป็นประเด็นตั้งแต่ก่อนประธานาธิบดีปัก จุง ฮี ถูก คิม แจ คยู หัวหน้าสำนักข่าวกรองเกาหลี ลอบสังหารแล้ว เนื่องจากคิม แจ คยู ให้การในศาลว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจสังหารเจ้านายมาจากความไม่พอใจที่ประธานาธิบดีที่อำนาจมากล้น แต่ล้มเหลวในการดึงลูกสาวให้พ้นจากอิทธิพลของบุคคลที่สำนักข่าวกรองมองว่าเป็นผู้นำกลุ่มคลั่งลัทธิ
            อัน ดอง อิล ทนายของคิม กล่าวว่า คิมเคยขอร้องให้ประธานาธิบดีปัก จุง ฮี กันบุตรสาวออกจากบุคคลผู้นี้ แต่ตัวเขาเดาว่า แม้แต่ประธานาธิบดีเองก็คงช่วยลูกสาวไม่ได้
            หลังสูญเสียบิดา ปัก กึน เฮออกจากทำเนียบประธานาธิบดี และบริหารมูลนิธิเด็กแห่งหนึ่งที่มารดาก่อตั้งไว้ ก่อนส่งต่อให้น้องสาวดูแลในปี 2533 หลังจากพนักงานประท้วงไม่พอใจที่คนตระกูลชเวเข้ามาก้าวก่าย แต่ปัก กึน เฮระบุในหนังสืออัตชีวประวัติในปี 2550 ว่าเธอลาออกเพราะไม่อาจปล่อยให้มูลนิธิเสียชื่อเสียงเพราะข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล
            7 ปีต่อมา ปักเข้ามาเล่นการเมือง โดยเข้าร่วมกับพรรคเซนูรี และได้รับเลือกเป็นส.ส. เมืองแทกู บ้านเกิดของพ่อ เมื่อปี 2541 ครั้งหนึ่งระหว่างร่วมเวทีโต้วิสัยทัศน์ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2550 เธอกล่าวขอบคุณชเว แท มิน ที่ช่วยเหลือในยามลำบาก และตอบคำถามพิธีกรว่า ชเว ซุน ซิล ไม่ได้ยักยอกเงินจากมูลนิธิเด็กที่เธอเคยเป็นประธาน
            ปี 2555 ปัก กึน เฮได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก จากบรรดาผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ส่วนใหญ่เอือมระอากับผู้นำคนก่อนๆ ที่คนในครอบครัวมักก่อคดีทุจริต

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

( ปักกึนเฮ กับชเวซุนซิล ร่วมงานที่มหาวิทยาลัย ฮันยาง เมื่อ 10 มิ.ย. 2522 ภาพ Chosun Ilbo ) 


            ช่วงที่ ชเว แท มิน ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ ชเว คนลูกที่อายุอ่อนกว่า 4 ปี เริ่มเรียกปัก กึน เฮว่า พี่สาว คอยเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้ปักมานับแต่นั้น เธอเป็นทั้งเพื่อนและเลขาฯ ส่วนตัวตั้งแต่ปัก กึน เฮเริ่มเข้ามาเล่นการเมืองในปี 2541 คอยดูแลพยาบาลหลังจากที่ปัก กึน เฮถูกชายคนหนึ่งใช้มีดปาดหน้า ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งในปี 2549 เวลาออกงานและให้สัมภาษณ์สื่อ จะมีเพื่อนคนนี้อยู่ข้างกายเสมอ แต่ขณะที่ปัก กึน เฮ เริ่มโดดเด่นทางการเมือง ชเวเลือกปลีกตัวออกไปไม่เป็นจุดเด่น แต่ยังมี ชอง ยุน ฮอย อดีตสามีของเธอ เป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษาของปัก กึนเฮ แต่เมื่อทั้งสองหย่าร้างกันในปี 2557 เขาก็ตกงาน


            ในบรรดาลูก 9 คนจากการแต่งงาน 6 ครั้ง ชเว ซุน ซิล คือลูกสาวคนโปรดของชเว แท มิน เมื่อบิดาเสียชีวิต ในปี 2537 ขณะอายุ 82 ปี ชเว ซุน ซิล จึงเข้ามาทำหน้าที่แทนทั้งผู้นำลัทธิและผู้ให้คำชี้แนะแก่ปัก กึน เฮ

 

“ชเวซุนซิลเกต” เรื่องอื้อฉาวแปลกประหลาด

( ผู้ประท้วงล้อประธานาธิบดีหญิงเป็นหุ่นเชิด ของเพื่อน ) 

 

              เหตุใดจึงไว้ใจและต้องหนีบชเวไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา มีทฤษฎีต่างๆ นานาแต่คำพูดหนึ่งที่อาจอธิบายได้ในตัวเองคือการที่ประธานาธิบดีปักกล่าวย้ำอีกครั้งเมื่อตอนขอโทษครั้งแรกว่า ชเวเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเวลาที่เธอลำบากเสมอมา 

            ปัก กึน เฮเติบโตในชองวาแด สูญเสียพ่อและแม่จากถูกลอบสังหารทั้งคู่ พ่อลูกตระกูลชเวอาจเป็นเหมือนครอบครัวของเธอ อีกทั้งเธอไม่เคยแต่งงานและห่างเหินกับพี่น้อง แต่พี่น้องของประธานาธิบดีก็เคยออกมาให้ข่าวทำนองว่าคนบ้านชเวมีส่วนทำให้พี่น้องแตกคอกัน และใช้ประโยชน์จากพี่สาว
            ส่วนข่าวลือที่ว่ากันว่าผู้นำเกาหลีใต้อยู่ใต้ความเชื่อบางอย่าง เป็นเหตุให้ปล่อยคนที่ไว้ใจแสวงหาประโยชน์กันอย่างสบาย ประธานาธิบดีปักปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง

           แต่ที่จริงอยู่เวลานี้ ชเว ซุน ซิล จะครอบงำเกาหลีใต้อีกระยะใหญ่อย่างแน่นอน

 

ที่มา Korea Times  Korea Herald Chosun Ilbo Joonang Ilbo 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ