ข่าว

สภาสูงเยอรมนีโหวตแบนเครื่องยนต์ใช้น้ำมันใน 14 ปี

สภาสูงเยอรมนีโหวตแบนเครื่องยนต์ใช้น้ำมันใน 14 ปี

12 ต.ค. 2559

 สภาสูงเยอรมนี ผ่านมติห้ามใช้ยานพาหนะเครื่องยนต์ใช้น้ำมันในปี ค.ศ.2030 เรียกร้องฝ่ายบริหารอียู ออกมาตรการขับเคลื่อนไปในทางเดียวกัน  

       

         บุนเดสราท หรือ สภาสูงเยอรมนี ผ่านมติเรียกร้องออกกฏหมายบังคับให้ยานพาหนะทุกคันที่แล่นบนถนนของสหภาพยุโรป (อียู) จะต้องใช้ขุมกำลังขับเคลื่อนปลอดมลภาวะโดยสมบูรณ์ภายใน 14 ปีข้างหน้า

       สภาสูงเยอรมนี เตรียมขอให้คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของอียู ทบทวนนโยบายภาษีและผลกระทบของมาตรการภาษีที่มีต่อการกระตุ้นไปสู่การใช้ยานพาหนะปลอดการแพร่ก๊าซเรือนกระจก ซึ่งวิธีการยังไม่ชัดเจน แต่อาจเป็นการให้แรงจูงใจทางภาษีสำหรับการซื้อรถปลอดมลภาวะหรือยกเลิกการละเว้นภาษีรถเครื่องยนต์ดีเซลในประเทศอียู  ซึ่งหากทำให้การเป็นเจ้าของรถแพงกว่าเดิมด้วยมาตรการภาษี  จะกระทบใหญ่หลวงต่อผู้ผลิตรถยนต์ที่ปัจจุบันก็วิตกกับมาตรการการปล่อยไอเสียเข้มขวดในอียูมากอยู่แล้ว

          มตินี้อรมนีไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย และต่อระดับการตัดสินใจในสหภาพยุโรป แต่จุดยืนจากสภาสูงเยอรมนีซึ่งมีผู้แทนจาก 16 รัฐและโดยความเห็นพ้องจากทุกพรรค ถือเป็นสัญญาณที่มีความหนักแน่นจากประเทศที่มีอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ เยอรมนีผลิตรถยนต์มากกว่าประเทศใดในยุโรป และเป็นอันดับสามของโลก  

         และหากคำนึงถึงว่า เยอรมนีมักเป็นผู้กำหนดทิศทางการออกกฏระเบียบในอียู จึงมีความเป็นไปได้ว่านโยบายนี้อาจเป็นจริงในอนาคต  

          ด้านนายโอลิเวอร์ คริสเชอร์ ส.ส.จากพรรคกรีน กล่าวว่า ถ้าข้อตกลงปารีสเป็นการกำหนดทิศทางการลดปริมาณมลภาวะอย่างจริงจัง ดังนั้นภายหลังปี 2573 ก็ไม่ควรมีรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในออกมาแล่นบนถนนอีกต่อไป

          สถิติจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม แห่งสหรัฐอเมริกา ชี้ว่า รถยนต์ส่วนบุคคลหนึ่งคัน ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่สิ่งแวดล้อมราว 4.7 ตันต่อปี และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดก๊าซมลภาวะมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา 

          ขณะที่เยอรมนีหนึ่งในประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก และ ในยุโรป การส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ปลอดมลภาวะในครั้งนี้น่าจะเป็นการกำหนดทิศทางการออกระเบียบใหม่ในอียูด้วยเช่นกัน