ป่าเถื่อน! รุมประณามรัสเซีย หลังถล่มอเลปโปหนักสุดใน5ปี

               คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมเมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) ตามคำขอของสหรัฐฯ อังกฤษ และฝรั่งเศส เพื่อหารือเรื่องการสู้รบที่รุนแรงขึ้นในเมืองอเลปโปของรัสเซีย หลังกองทัพซีเรียประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี จะชิงเมืองนี้คืนจากกลุ่มกบฏให้ได้ และชาติยักษ์ใหญ่ร่วมประณามปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในซีเรีย

               นางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำยูเอ็น กล่าวว่า สิ่งที่รัสเซียกระทำหรือสนับสนุนไม่ใช่การกวาดล้างการก่อการร้าย แต่เป็นการกระทำป่าเถื่อน รัสเซียและประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ไม่ได้แสวงหาสันติภาพแต่มุ่งทำสงคราม และยังระเบิดทำลายขบวนรถบรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่จะไปช่วยเหลือพลเมือง

               มีรายงานว่า การโจมตีโดยกองทัพซีเรียในเมืองอเลปโปเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 85 คน และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน และนับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงที่บังคับใช้ได้เพียงสัปดาห์เดียวสิ้นสุดลงเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 231 คน

               ด้าน แมธธิว ไรครอฟต์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำยูเอ็น กล่าวหาว่า รัสเซียทำให้อเลปโปกลายเป็นนรก ร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียก่ออาชญากรรมสงคราม มีการใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์และอาวุธร้ายแรงในการโจมตีทางอากาศในย่านชุมชนอาศัย

               ส่วน นายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวสำทับว่า รู้สึกตกใจที่การสู้รบในอเลปโปกำลังเป็นการระเบิดโจมตีหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเปิดฉากสงครามในซีเรีย มีการใช้ระเบิดทำลายบังเกอร์ทำให้ระดับความรุนแรงถลำลึกสู่ระดับความป่าเถื่อน ระเบิดชนิดนี้ทำลายแม้กระทั่งหลุมหลบภัยที่เป็นสถานที่ปลอดภัยแห่งสุดท้าย และการใช้อาวุธที่ไม่อาจจำกัดเป้าหมายในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยหนาแน่นเข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม พร้อมกับร้องขอให้ทุกฝ่ายเร่งทำงานอย่างหนักเพื่อหยุดฝันร้ายนี้

               ขณะที่วิทาลี ชูร์กิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น โต้แย้งว่า ในซีเรียมีกลุ่มติดอาวุธหลายร้อยกลุ่ม พื้นที่ถูกทิ้งระเบิดถล่มอย่างไม่แบ่งแยกจำกัดเป้าหมาย ทำให้การสร้างสันติภาพเป็นภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้ พร้อมทั้งกล่าวหาว่ากลุ่มก่อการร้ายที่ควบคุมเมืองอเลปโปใช้ผู้หญิงและเด็กเป็นโล่มนุษย์ และชี้แจงว่ารัฐบาลซีเรียใช้การโจมตีทางอากาศเพื่อขับไล่กบฏออกจากเมือง

               นอกจากนี้ เมื่อนาย บาชาร์ จาฟารี เอกอัคราชทูตซีเรียประจำยูเอ็นกล่าวต่อที่ประชุม เอกอัครราชทูตสหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศสต่างเดินออกนอกห้องเพื่อเป็นการประท้วง