กดดันอย่างไรก็ไม่มีผล อินโดนีเซียเดินหน้าประหารนักโทษคดียาเสพติด 4 คน คาดพายุเข้ายังไม่สะดวกยิงเป้าที่เหลืออีก 10 คน
(29 ก.ค.) อินโดนีเซียเริ่มประหารนักโทษคดียาเสพติดชุดแรก 4 คน ที่เรือนจำบนเกาะ นูซาคัมบังกัน เมื่อเวลา 00.45 น. วันนี้ เป็นนักโทษชาวไนจีเรีย 3 คน กับชาวอินโดนีเซีย ส่วนอีก 10 คนที่อยู่ในแผนการยิงเป้าตามที่มีข่าวก่อนหน้า รวมถึงชาวปากีสถาน อินเดีย ซิมบับเวและอินโดนีเซีย จะทำการประหารหลังจากนี้
เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้เหตุผลของการทิ้งช่วงประหาร แต่คาดว่าเกาะคุกที่ทำการยิงเป้ากลางแจ้ง อาจได้รับผลกระทบจากพายุ
นายอาฟิฟ อับดุล กอยิม ทนายความของนายเอจิเค เอเลเวเค หนึ่งในนักโทษชาวไนจีเรียที่ถูกยิงเป้าเมื่อเช้ามืด กล่าวว่า ทางการไม่น่าเดินหน้าประหารเพราะลูกความเพิ่งยื่นอุทธรณ์ในสัปดาห์นี้ เมื่อไม่เคารพกระบวนการ ก็เท่ากับว่าประเทศไม่ได้ยึดกฎหมายหรือหลักสิทธิมนุษยชนอีกต่อไป
สำหรับนักโทษสองคนที่จุดความวิตกเป็นพิเศษ ยังไม่ได้ถูกประหารเมื่อเช้ามืด คนแรกคือ ซุลฟีการ์ อาลี ชาวปากีสถาน ที่กลุ่มสิทธิระบุว่าถูกซ้อมทรมานบังคับสารภาพมีเฮโรอีนในครอบครอง และถูกตัดสินประหารเมื่อปี 2548 อีกคนคือ เมอร์รี อูตามี สตรีอินโดนีเซียที่ถูกจับมีเฮโรอีนในกระเป๋าที่สนามบินจาการ์ตา แต่เธอยืนยันว่าถูกหลอกให้เป็นคนหิ้วยา
นับเป็นการประหารรอบที่สาม รวมนักโทษ 18 คนนับจากที่ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด เข้าบริหารประเทศเมื่อตุลาคม 2557 ท่ามกลางเสียงประท้วงจากนานาชาติ เช่นเดียวกับก่อนหน้าการประหารรอบล่าสุด สหประชาชาติ องค์กรสิทธิมนุษยชนและสหภาพยุโรป ทั้งเรียกร้อง กดดันและขอความเมตตาโดยเฉพาะบางคดีที่ยังมีคำถามถึงกระบวนการยุติธรรม แต่รัฐบาลยืนยันจะไม่มีการผ่อนผันในสงครามยาเสพติด
นายนอร์ รัชมัด ผู้ช่วยอัยการแผนกคดีอาญา กล่าวว่า การประหารล่าสุด ไม่ใช่มุ่งหมายชีวิตแต่เพื่อยุติเจตนามุ่งร้าย และการลอบขนค้ายาเสพติดอันเลวร้าย สำหรับนักโทษที่เหลือ 10คน จะประหารในขั้นต่อไป แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลา
อินโดนีเซียยังมีนักโทษรอประหารอีกกว่า 100 คน ส่วนมากเป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง