ทนายผู้กล้าว่าความคดีหมิ่นศาสนา

 

      ทุกวันนี้ ตำรวจปากีสถานต้องให้การอารักขาบ้านหลังหนึ่งในย่านชุมชนเงียบสงบของเมืองลาฮอร์ จ.ปัญจาบ บ้านที่มีทนายความชื่อ ซาอิฟอุล มูลุก อาศัยอยู่กับลูกสาวและภรรยา ทนายความคนนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรเลย แต่ลูกความของเขาต่างหากเป็นเหตุให้มีคนกลุ่มหนึ่งมาด้อมๆมองๆ สำนักงานหวังลอบสังหารหากสบช่อง

 

      ผู้ประท้วงที่จะขอเรียกว่าพวกศาสนานิยมสุดขั้ว พยายามกดดันให้รัฐบาลอิสลามาบัดแขวนคอ อาซีอา บีบี คุณแม่ลูกห้าชาวคริสเตียนที่ต้องโทษความผิดคดีลบหลู่ศาสนาและอยู่ในแดนประหารมาตั้งแต่ปี 2553 แต่เธอยืนยันความบริสุทธิ์ ข้อหาที่ได้รับมีสาเหตุจากความขัดแย้งระหว่างเธอกับเพื่อนบ้านที่นับถือศาสนาอิสลามและใส่ร้าย

 

      เพื่อให้มีชีวิตยืนนานพอช่วยว่าความให้สตรียากจนคนนี้ได้ มูลุกซึ่งเป็นมุสลิม จึงพยายามเก็บตัวเงียบเชียบ ไม่ไปไหนมาไหนนอกจากสำนักงานกับบ้าน ทนายวัย 60 ปีกล่าวว่า พวกเราไม่ออกไปเจอญาติหรือเพื่อนฝูง และพวกเขาก็ไม่มาเยี่ยมเยือนเราเหมือนกัน

 

 

 

 

      การลบหลู่ศาสนา เป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างสูงในปากีสถาน แค่ข้อกล่าวหาลอยๆ ก็อาจเรียกม็อบและความรุนแรงตามมาได้

 

      กลุ่มสิทธิมนุษยชนร้องเรียนว่า กฎหมายนี้ถูกนำไปใช้เลยเถิดเพื่อล้างแค้นส่วนตัว และชนกลุ่มน้อยคือเป้าหมายเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น สามีภรรยาชาวคริสเตียนคู่หนึ่งถูกฝูงชนรุมประชาทัณฑ์ก่อนจุดไฟเผาในปัญจาบเมื่อ 2 ปีก่อน หลังถูกกล่าวหาผิดๆ ว่าดูหมิ่นคัมภีร์อัลกุรอาน

 

      มูลุก เล่าว่า เมื่อตัดสินใจรับทำคดีนี้ เพื่อนทนายบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เท่ากับนายตอกตะปูตัวสุดท้ายบนฝาโลง

 

      อันที่จริง ก่อนว่าความให้นางบีบีเมื่อปี 2557 มูลุกตกเป็นเป้าปองร้ายอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในอัยการพิเศษในคดีฆาตกรรมนายซัลมาน ทาซีร์ ผู้ว่าการรัฐปัญจาบ

 

 

 

 

      นายทาซีร์ถูกนายมุมตาซ กาดรี บอดี้การ์ดของเขาเอง กระหน่ำยิงเสียชีวิตในกรุงอิสลามาบัดกลางวันแสกๆ เมื่อ 4 ปีก่อน เพราะโกรธแค้นที่เหยื่อซึ่งเป็นนักการเมืองหัวเสรีนิยม พยายามผลักดันปฏิรูปกฎหมายหมิ่นศาสนา

 

      สำหรับพวกศาสนานิยมสายแข็งแล้ว นายกาดรี ผู้สังหารอดีตผู้ว่าปัญจาบอย่างเลือดเย็น คือฮีโร่ แต่มูลุกกลับเป็นทนายคนเดียวที่กล้าเสี่ยงตายส่งอดีตบอดี้การ์ดโหดเข้าสู่แดนประหาร

 

      สองคดีนี้เกี่ยวข้องกัน เพราะนายทาซีร์ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎหมายหมิ่นศาสนาพร่ำเพรื่อ เคยเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางบีบี

 

      การตัดสินใจแขวนคอนายกาดรีเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนออกมาชุมนุมแสดงพลังสนับสนุนกฎหมายลบหลู่ศาสนา และเรียกร้องให้แขวนคอนางเสียที ผู้สนับสนุนนายกาดรีปักหลักประท้วงในเมืองหลวง 4 วัน ระหว่างนั้น มีเหตุปะทะรุนแรงกับตำรวจ ตอนแรกพวกเขาประกาศยอมตายหากรัฐบาลไม่ทำตามที่เรียกร้อง รวมถึงประหารนางบีบี ยังโชคดีว่าในที่สุด ผู้ชุมนุมสลายตัวไปโดยสงบเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

 

 

 

 

      ฝ่ายข่าวเตือนทนายมูลุกให้อยู่แต่ในบ้านหลังการประหารนายกาดรี แต่ในวันฝังศพ บังเอิญมีนัดประชุมสำคัญในอิสลามาบัด ระหว่างเดินทาง เจอคลื่นมหาชนคนรักนายกาดรีกำลังมุ่งหน้าไปร่วมงาน มูลุก เล่าว่า เป็นนาทีที่น่ากลัวมาก หากคนพวกนั้นรู้ว่าตนเองเป็นใคร อาจถูกรุมทึ้งแยกส่วนเป็นชิ้นๆ

 

      ปากีสถานมีนักโทษรอประหารคดีลบหลู่ศาสนา 17 คน รวมถึง บีบี แต่ยังไม่เคยประหารสักรายเดียว

 

      มูลุกเล่าว่า หลังสุดที่ไปเยี่ยมลูกความในเรือนจำในเมืองมุลตาน ทางภาคกลาง เธอยังมีกำลังใจดี และมีความหวัง แต่ตัวเขาเองมีความหวังไม่มากนัก และเตือนว่า “ปรากฏการณ์กาดรี” จะยิ่งขยายตัว ถึงอย่างนั้น หากล้มเลิกต่อสู้เพื่อช่วยชีวิตเธอสำหรับทนายวัย 60 ปี คือความขี้ขลาดที่สำคัญ ความสำเร็จในการส่งนายกาดรีชดใช้ความผิด คือการส่งตัวเองมาอยู่ในสภาพสุ่มเสี่ยงอยู่แล้ว ขณะนี้ แค่เป็นเวลาที่จะต้องต่อสู้เพื่อผู้หญิงยากจนอีกคนหนึ่ง