ข่าว

รถทุกคันต้อง'คุย'กันได้

รถทุกคันต้อง'คุย'กันได้

11 ม.ค. 2557

เวิลด์วาไรตี้ : รถทุกคันต้อง 'คุย' กันได้

 

                      เริ่มขยันกันตั้งแต่ต้นปีม้า สำนักงานความปลอดภัยทางหลวงแห่งชาติ (เอ็นเอชทีเอสเอ) แห่งสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มพิจารณาแผนการลดจำนวนผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และจำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนทางหลวงสายต่างๆ ทั่วประเทศ โดยครั้งนี้จะกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันมีระบบสื่อสารระหว่างกันที่เรียกว่า "Vehicle to Vehicle" หรือ วีทูวี เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลตำแหน่งแห่งที่ ซึ่งจะใช้ในการควบคุมระยะห่างของรถแต่ละคัน ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยเอ็นเอชเอสเอระบุว่าระบบวีทูวี จะช่วยลดปริมาณการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้มากถึง 76% ของจำนวนอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในแต่ละปีบนแผ่นดินลุงแซม

                      สถิติจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า เมื่อปี 2554 มีจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนอันยาวไกลของสหรัฐอเมริกามากถึง 5.3 ล้านครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 32,000 ราย บาดเจ็บมากถึง 2.2 ล้านราย ซึ่งไม่น่าแปลกใจเมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์หลายร้อยล้านคันบนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกาที่กว้างใหญ่ในระดับทวีป ทำให้รถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต แต่สติและสำนึกของผู้ขับรถนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

                      เมื่อพึ่งพาปัจจัยมนุษย์ได้ไม่ค่อยดีนัก ทางการสหรัฐจึงหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างยานพาหนะแทน โดยทำให้รถยนต์ มี "สมอง" และ "ภาษา" ที่สามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่อง พร้อมที่จะบอกกันและกันว่า ฉันอยู่ตรงนี้นะ ห่างจากเธอ 3 เมตร ถ้าจะเบรกก็บอกกันด้วย อะไรประมาณนี้

                      ดังนั้น เอ็นเอชทีเอสเอจึงมีแผนกำหนดให้รถใหม่ทุกคันที่จะออกสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาในปี 2560 ต้องมีระบบสื่อสารระหว่างกัน สามารถ "คุย" กันได้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากปัจจัยความสะเพร่าเลินเล่อของมนุษย์

                      อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสความไม่มั่นใจในการกระทำของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่จ้องจะดักฟัง ล้วงตับข้อมูลการสื่อสาร ของชาวอเมริกัน ดังที่นายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตลูกจ้างสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ออกมาแฉนั้น จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า ระบบสื่อสารระหว่างรถยนต์นั้นจะสามารถ "เจาะ" เข้าไปยังระบบได้หรือไม่ ซึ่งหากมีการเจาะระบบได้ ความปลอดภัยของรถยนต์อัจฉริยะแบบนี้ก็ไม่น่าจะเป็นที่ไว้วางใจได้

                      ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการพัฒนาระบบของผู้ผลิตรถยนต์และสำนึกของหน่วยงานรัฐบาล ที่จะมี "จริยธรรม" ในการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน ไม่ใช่เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตขึ้นมา เช่นนั้นแล