ข่าว

เมื่อบ่วงกรรมถามหา3สาวก'โอมชินริเกียว'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดโลกวันอาทิตย์ : เมื่อบ่วงกรรมเริ่มถามหา 3 สาวกลัทธิมรณะ 'โอม ชินริเกียว' : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

                        17 ปีที่เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น 17 ปีที่ต้องนอนฝันร้าย ใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ เปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ 17 ปีที่ต้องปลอมแปลงโฉมตัวเอง ต้องอยู่อย่างเงียบเหงากับคนรู้ใจแค่ 2-3 คน ในที่สุด 17 ปีแห่งความทุกข์ทรมานก็สิ้นสุดลงเสียที เมื่อเวลา 20.00 น. วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน เมื่อตำรวจกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาสาวใหญ่วัย 40 ปีคนหนึ่งขณะกำลังจะเปิดประตูอพาร์ตเมนต์ที่เมืองซากะมิฮาระ ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันตกประมาณ 30 กิโลเมตร โดยมือหนึ่งหิ้วถุงจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับถามสั้นๆ แต่ตรงประเด็นที่สุดว่าชื่อ นาโอโกะ คิคุจิ ใช่หรือไม่ เธอก็ใจเด็ดตอบตรงๆ ว่า "ใช่"

                        อิสรภาพของเธอพลันสิ้นสุดลง ตรงข้ามกับความรู้สึกในใจที่โล่งขึ้นมาฉับพลันราวกับยกภูเขาออกจากอก

                        นับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา ตำรวจได้ตั้งค่าหัว 6 ล้านเยน (ราว 2.4 ล้านบาท) ในการนำจับ นาโอโกะ คิคุจิ ในข้อหาเป็นหนึ่งในทีมผลิตแก๊สพิษซารินที่ทำลายระบบประสาทแบบเดียวกับที่กองทัพนาซีผลิตขึ้นมา เพื่อให้เพื่อนสาวกลัทธิมรณะโอม ชินริเกียว หรือลัทธิปรมัตถ์สัจจะ หรือลัทธิเขย่าโลกที่เชื่อในเรื่องวันสิ้นโลก นำไปปล่อยไว้บนขบวนรถไฟใต้ดิน 5 ขบวนในกรุงโตเกียว ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าวันที่ 20 มีนาคม 2538 ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 13 ศพ บาดเจ็บสาหัส 54 ราย ล้มป่วยอีกกว่า 6,000 คน นับเป็นเหตุสังหารหมู่ครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

                        หลังเกิดโศกนาฏกรรม ตำรวจได้เร่งกวาดล้างลัทธิมหาภัยนี้ โดยจับโชโกะ อาซาฮารา หรือชื่อจริงว่า ชิตสุโอะ มัตสุโมโตะ เจ้าลัทธิพร้อมด้วยสาวกอีก 12 คน ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ครั้งนั้น ก่อนที่ศาลจะตัดสินเมื่อปี 2549 ให้ประหารชีวิตเจ้าลัทธิอาซาฮารา แต่ยังไม่มีการประหารชีวิต

                        อย่างไรก็ดี ตาข่ายกฎหมายย่อมมีรูโหว่ ทำให้สาวกโอม ชินริเกียวหนีรอดจากการกวาดล้างครั้งนั้นไปได้ 3 คนได้แก่ นาโอโกะ คิคุจิ, มาโกโตะ ฮิราตะ วัย 47 ปี ซึ่งเพิ่งยอมมอบตัวต่อตำรวจเมื่อเที่ยงคืนวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา และคัตสึยะ ทาคาฮาชิ สาวกโอม ชินริเกียวที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดเพียงคนเดียวที่ยังคงหลบหนีการตามล่าอยู่ โดยตำรวจได้ตั้งรางวัล 6 ล้านเยนแก่ผู้ที่ให้เบาะแสนำจับผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ทั้ง 3 คน

                        หลังถูกจับกุม คิคุจิ อดีตนักเคมีมือหนึ่งยินยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี ยอมรับว่าเธอมีส่วนร่วมในการผสมสารเคมีที่ประกอบขึ้นเป็นแก๊สซารินจริง แต่ในขณะนั้นเธอไม่ทราบว่ากำลังผลิตอะไรอยู่  พร้อมกับสารภาพด้วยว่า “ฉันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น จิซูโกะ ซากุราอิ ตอนนี้ฉันรู้สึกโล่งใจจริงๆ ที่ไม่ต้องคอยหลบหนี ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ตัวอีกต่อไปแล้ว"

                        ตำรวจคนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการจับกุมสาวกลัทธิล้างโลกเผยว่า คิคุจิผอมจากเดิมมาก ชนิดที่เรียกได้ว่าหากเดินสวนกันตามถนนก็ยากจะมีใครจำเธอได้ เธอแต่งตัวเรียบๆ ไว้ผมยาวประบ่า แต่ไม่มั่นใจว่าได้ทำศัลยกรรมพลาสติกด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ดี ตำรวจยังมีหลักฐานลายนิ้วมือและไฝเล็กๆ ที่แก้มขวาเป็นหลักฐานสำคัญ 

                        อิสรภาพของเธอสิ้นสุดลงเนื่องจากเพื่อนบ้านคนหนึ่งได้แจ้งเบาะแสแก่ตำรวจ พร้อมกับต่อว่าต่อขานว่าเคยแจ้งเบาะแสให้ตำรวจมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่าเธออาจจะเป็นคนที่ตำรวจต้องการตัว แต่ในตอนนั้นตำรวจกลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

                        คิคุจิสารภาพว่าขณะที่ตำรวจเริ่มกวาดล้างสาวกลัทธิโอม ชินริเกียวนั้น เธอได้หลบหนีไปกับสาวกคนหนึ่งซึ่งถูกจับในภายหลังและถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ส่วนเธอได้หนีต่อไปหลบซ่อนตัวอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่สถานพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยแต่งเรื่องบอกเพื่อนบ้านว่าเป็นพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่ง

                        ต่อมาเธอก็พบกับคัตสึยะ ทาคาฮาชิ ทั้งสองได้ร่อนเร่พักตามโรงแรมต่างๆ ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่อพาร์ตเมนต์โดยจะเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ ทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในฐานะนักโทษหนีการตามล่านานเกือบ 10 ปี

พบพานรักแท้

                        เพื่อไม่ให้ใครจดจำได้จากภาพโปสเตอร์หมายจับที่ติดไปทั่วประเทศ เธอต้องเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ด้วยการลดน้ำหนักลงจนกลายเป็นคนเอวบางร่างน้อย ใบหน้าเรียวยาว สวมแว่นตา ตัดผมสั้นระคอ จากเดิมที่เคยไว้ผมยาว อาจจะเป็นเพราะเปลี่ยนที่ซ่อนตัวบ่อยๆประกอบกับรูปโฉมเปลี่ยนไป ตำรวจจึงสูญเสียร่องรอยของเธอมานานกว่า 15 ปี หลังจากพบเห็นร่องรอยสุดท้ายขณะซ่อนตัวอยู่ที่จังหวัดไซตามะบ้านเกิด

                        ก่อนหน้าที่ตำรวจจะออกหมายจับทั่วประเทศ เธอได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งของลัทธิมรณะที่ฮาชิโอจิ นอกกรุงโตเกียว ก่อนจะหนีไปหลบซ่อนตัวที่นาโงยา เกียวโต อิชิกาวะ จังหวัดชิบะ และอีกหลายแห่ง

                        ระหว่างซ่อนตัวอยู่ที่โยโกฮามา เธอก็รู้จักกับฮิโรโตะ ทาคาฮาชิ วัย 41 ปี ซึ่งแม้จะมีนามสกุลเหมือนกับคัตสึยะ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวดองทางสายเลือดแต่อย่างใด และไม่ได้เป็นสมาชิกโอม ชินริเกียว ช่วงที่เธอและฮิโรโตะทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวเมื่อราวปี 2548 หลังจากคบหากันได้ไม่กี่เดือน ฮิโรโตะก็ขอแต่งงานด้วย แต่เธอปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถแต่งงานได้ เนื่องจากเป็นสาวกของโอม ชินริเกียว พร้อมกับเล่าความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้น

                        กระนั้น ฮิโรโตะ ก็ไม่เปลี่ยนใจ ยืนยันพร้อมจะร่วมเป็นร่วมตายกับเธอ ผู้เป็นรักแท้แต่ผู้เดียว ทั้งสองคนได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านพักชานกรุงโตเกียวเมื่อปี 2549 ก่อนจะย้ายอพาร์ตเมนต์ไปอยู่ที่เมืองซากาฮิมาระ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว เมื่อปี 2553 จากนั้น ฮิโรโตะได้แนะนำให้เธอทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ป้อนพยาบาลให้แก่สถานพยาบาล โดยทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน ได้ค่าแรงชั่วโมงละ 850 เยน (ราว 350 บาท) เฉลี่ยแล้วมีรายได้ราวเดือนละ 1.3-1.4 แสนเยน (ประมาณ 5.2-5.6 หมื่นบาท)

                        เพื่อนร่วมงานต่างชมว่าเธอเป็นคนทำงานหนัก แต่น่าสังเกตตรงที่ไม่เคยเล่าประวัติให้ใครฟัง บอกเพียงแค่ว่ามาจากจังหวัดไซตามะ มีอายุ 44 ปี และเคยทำงานที่คลังสินค้าแห่งหนึ่ง

                        รักแท้ของทั้งสองคนได้รับการพิสูจน์ ทันทีที่เห็นข่าวโทรทัศน์รายงานว่าตำรวจได้จับกุมตัวนาโอโกะ คิคุจิ เมื่อเวลา 20.00 น. ฮิโรโตะได้ไปมอบตัวต่อตำรวจเมื่อเวลาราว 22.05 น.วันเดียวกัน โดยแนะนำตัวสั้นๆ ว่า "ผมอยู่กับนาโอโกะ คิคุจิ ที่กำลังเป็นข่าวอยู่" พร้อมกับสารภาพว่าเคยคิดจะพาเธอมามอบตัวต่อตำรวจด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยทำตามแผนที่คิดไว้ ตำรวจจึงได้ตั้งข้อหาฮิโรโตะ ว่าให้ที่หลบซ่อนแก่อาชญากร

                        ขณะที่ นาโอโกะ คิคุจิ คร่ำครวญว่า "ฉันรักฮิโรโตะและไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา"

                        โชกะ อิกาวะ นักข่าวคนหนึ่งที่ตามข่าวโอม ชินริเกียวมาตั้งแต่ต้นให้ความเห็นว่า รู้สึกโล่งใจเช่นกันที่รู้ว่านาโอโกะ คิคุจิ ยังมีชีวิตอยู่หลังจากเวลาผ่านมานานถึง 17 ปี

                        "เธอเริ่มมีชื่อเป็นที่รู้จักไปทั่ว เนื่องจากเป็นนักโทษหนีการตามล่าของตำรวจ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วบทบาทของเธอในโอม ชินริเกียวนั้นน้อยมาก เป็นแค่ฟันเฟืองตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เธออายุยังน้อยและสามารถฝังอดีตทั้งหมดด้วยการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่ตำรวจ"

ขอให้อดีตล่วงเลยผ่านไป

                        การจับกุม นาโอโกะ คิคุจิ มีขึ้นเพียง 5 เดือนหลังจากมาโกโตะ ฮิราตะ หนึ่งในสามของสาวกโอม ชินริเกียวที่หลบรอดเงื้อมมือของกฎหมายจู่ๆ ก็พาตัวเองมอบตัวต่อตำรวจโตเกียวเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยสารภาพว่าเป็นเพราะ "ต้องการลืมความหลังในอดีตเสียให้หมด" หลังจากต้องนอนฝันร้ายและทุกข์ทรมานกับการหลบหนีมานาน 16 ปี

                        ตำรวจโตเกียวได้ออกหมายจับมาโกโตะ ในข้อหาสมคบคิดกับเพื่อนร่วมลัทธิลักพาตัว, กักขังและทรมานคิโยชิ คาริยะ เจ้าหน้าที่วัย 68 ปี ผู้หนึ่งเมื่อปี 2538 เพื่อบีบให้บอกที่ซ่อนตัวของน้องสาวซึ่งหลบหนีออกจากกลุ่มหลังจากถูกกดดันให้บริจาคที่ดินให้แก่ลัทธิ แต่คาริยะเสียชีวิตจากการให้ยาสลบเกินขนาด

                        มาโกโตะ ฮิราตะ สารภาพว่าตัวเองแค่เป็นคนขับรถพานายคาริยะไปยังอาคารหลังหนึ่ง แต่ไม่ได้ร่วมลงมือก่อทัณฑ์ทรมานใดๆ ขณะที่ทางการสงสัยว่าผู้ต้องหารายนี้อาจเป็นคนลอบยิงนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส แต่ตำรวจต้องปิดคดีนี้เมื่อปีที่แล้วเนื่องจากคดีหมดอายุความ

หนีสุดชีวิต

                        การมอบตัวของมาโกโตะ ฮิราตะ ตามด้วยการจับกุมนาโอโกะ คิคุจิ ทำให้ขณะนี้ เหลือเพียงคัตสึยะ ทาคาฮาชิ วัย 54 ปี สาวกโอม ชินริเกียวอีกคนเดียวเท่านั้นที่หลบหนีการจับกุมของทางการ

                        ตำรวจเพิ่งจะได้ร่องรอยของคัตสึยะ ทาคาฮาชิ ว่าเคยอยู่ที่เมืองคาวาซากิ จังหวัดคานากาวะ โดยทำงานที่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งแต่เพิ่งจะหลบหนีก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน โดยหลังจากนาโอโกะ คิคุจิ ถูกจับกุมได้เพียงวันเดียว กล้องวงจรปิดได้จับภาพชายคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาคล้ายกับผู้ต้องหาที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดขณะกำลังกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่ง

                        ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2539 ที่ตำรวจเริ่มได้ร่องรอยของคัตสึยะ ทาคาฮาชิ หลังจากร่องรอยขาดหายนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2539 ช่วงที่เชื่อกันว่าได้หลบซ่อนตัวกับสาวกโอมที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในจังหวัดไซตามะ หลังจากตำรวจได้ออกหมายจับในข้อหาฆาตกรรมและพยายามฆาตกรรมจากการเข้าร่วมโจมตีด้วยแก๊สพิษซาริน

                        ตำรวจเชื่อว่า คัตสึยะ ทาคาฮาชิ พักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่เมืองคาวาซากิกับนาโอโกะ คิคุจิ นานร่วมสิบปีจนถึงปี 2549 ก่อนที่เธอจะย้ายไปอยู่กับฮิโรโตะ ทาคาฮาชิ จากหลักฐานต่างๆ ทำให้ตำรวจเชื่อว่านาโอโกะ คิคุจิ เป็นคนให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่คัตสึยะ ทาคาฮาชิ เนื่องจากเธอมีรายได้ราวเดือนละ 1.8 แสนเยน แต่ตอนที่ถูกจับกุมนั้น เงินในบัญชีของเธอมีแค่ 1 แสนเยน เท่านั้น

                        นอกจากนี้ ตำรวจยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่องที่นาโอโกะ คิคุจิ สลับใช้ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา คาดว่าเพื่อใช้ติดต่อกับคัตสึยะ อย่างน้อยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

                        ฮิโรโตะ ทาคาฮาชิ ให้การต่อตำรวจว่าตอนที่คบหากับคิคุจิ ตัวเองเคยติดต่อกับชายคนหนึ่งซึ่งอาจจะเป็นคัตสึยะ โดยเมื่อราวปี 2549  ระหว่างไปที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองคาวาซากิเพื่อช่วยเก็บของของคิคุจิซึ่งจะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ตอนนั้นเองที่ฮิโรโตะพบชายรูปร่างคล้ายกับคัตสึยะ ทั้ง 3 คนมีโอกาสพบปะกันบ้างในบางโอกาส เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทั้ง 3 คนได้พบกันที่อพาร์ตเมนต์ที่เมืองนั้นและพูดกันนานทีเดียว ตำรวจเชื่อว่าอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คิคุจิได้ติดต่อกับคัตสึยะ

                        เชื่อว่าอีกไม่ช้าไม่นาน คัตสึยะ ทาคาฮาชิ ก็คงหนีบ่วงกรรมที่ตัวเองมีส่วนร่วมก่อไม่พ้น ตำนานว่าด้วยลัทธิอุบาทว์จะได้ปิดฉากลงเสียที

------------------------------

(เปิดโลกวันอาทิตย์ : เมื่อบ่วงกรรมเริ่มถามหา 3 สาวกลัทธิมรณะ 'โอม ชินริเกียว' : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์)

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ