กรรมการคิดเห็นอย่างไร?กับ 5 อันดับ ผู้เข้าชิงละครไทย

 สาขา บทละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม มีผู้เข้าชิงคือ ละครเรื่อง “สาปภูษา” เขียนบทโดย ฐา-นวดี  สถิตยุทธการ และ นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ ของค่ายบรอดคาซท์ ต่อด้วยละครเรื่อง “ดงผู้ดี” เขียนบทโดย ยิ่งยศ ปัญญา แห่งค่ายแอคอาร์ต ตามมาติดๆ กับละครเรื่อง “ดิน น้ำ ลม ไฟ” เขียนบทโดย ภูเขา ของค่ายเมตตามหานิยม ละครเรื่อง “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” เขียนบทโดย ยิ่งยศ ปัญญา แห่งบริษัทโนพรอบเบล็ม ทางช่อง 3  และละครเรื่อง “เมียหลวง” เขียนบทโดย ภาวิต จากค่ายดาราวิดีโอ ทางช่อง 7 สี โดยกรรมการมีความเห็นว่าละครแต่ละเรื่อง คนเขียนบทล้วนมีการตีความออกมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังบอกด้วยว่า ละครจะดีได้ หัวใจสำคัญอยู่ที่บท

 ในขณะที่สาขา นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม คณะกรรมการบางท่านแสดงความคิดเห็นว่า “ต่อง” สาวิตรี สามิภักดิ์ จาก “น้ำผึ้งขม” เล่นได้อย่างมีคาแรกเตอร์ อีกทั้งร้ายได้น่าเชื่อ ขณะที่ “พลอย” เฌอมาลย์ บุณยศักดิ์ จากเรื่อง “น้ำตาลไหม้” คณะกรรมการพูดถึงว่าพลอยมีชั้นเชิงในการแสดง เล่นได้ทั้งให้คนเกลียดและรัก ส่วนดาราสาว “โดนัท” มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล กับบท “บุหงา” ใน “ดงผู้ดี” ทางคณะกรรมการได้เล็งเห็นว่า โดนัทแสดงถึงความสามารถได้โดยตรง มีความจัดจ้าน และโดดเด่น ขณะที่ "จอย” รินลณี  ศรีเพ็ญ  จาก “มงกุฎแสงจันทร์” แม้ว่าจะไม่ใช่นางเอก แต่คณะกรรมการบางท่านก็ลงความคิดเห็นว่าจอยเล่นได้เหมือนนางเอก สามารถโชว์ฝีมือได้อย่างดี ส่วน “เบนซ์” ปุณยาพร พูลพิพัฒน์  จาก “รอยรักรอยบาป” หากเทียบกับนักแสดงในเรื่อง เบนซ์สามารถเล่นได้โดดเด่น 

 สำหรับสาขา นักแสดงสมบทชายยอดเยี่ยม ทางคณะกรรมการแต่ละท่านมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป อย่าง “ปิ๊บ” รวิชญ์ เทิดวงส์ ใน “บริษัทบำบัดแค้น” ปิ๊บเล่นได้ดีแตกต่างจากละครเรื่องอื่นๆ ในขณะที่ “หมู” ดิลก ทองวัฒนา จาก “ไฟโชนแสง” มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ส่วน “น็อต” วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ ในบท “มาณสิงห์” จาก “มงกุฎแสงจันทร์” สามารถโชว์การแสดงได้ดีเช่นกัน สำหรับ “โอ” อนุชิต สพันธุ์พงษ์ จากเรื่อง “พรุ่งนี้ก็รักเธอ" เล่นจนคนดูเชื่อในบทบาท ปิดท้ายที่ น้องริชาร์ด เกียนี่  กับบท “ปื๊ด” ใน “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” คณะกรรมการได้กล่าวว่าแม้ตัวจริงจะเป็นลูกครึ่ง แต่ริชาร์ดเล่นให้คนดูเชื่อว่าเป็นเด็กทุ่งนาจริงๆ

 ว่ากันต่อที่สาขา นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เริ่มที่นางเอกสาว “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต จาก “ไฟโชนแสง” คณะกรรมการกล่าวว่าเล่นบทฝาแฝดได้ดี มีความแตกต่าง ในขณะที่ “ธัญญ่า” ธัญญาเรศ เองตระกูล กับบท “เจ้าสีเกด” จาก “สาปภูษา” สามารถเข้าถึงตัวละครได้ทุกอารมณ์ ส่วนนางเอกเซ็กซี่ “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ เข้าชิงถึง 2 เรื่อง คือ “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” ซึ่งคณะกรรมการต่างชมว่าอั้มเล่นได้ธรรมชาติ ในขณะที่เรื่อง "เมียหลวง" อั้มก็เล่นได้น่าสนใจ  ส่วนนางเอกสาว “ป๊อก” ปิยธิดา วรมุสิก จากเรื่องเดียวกัน คณะกรรมการต่างก็ชื่นชมว่าเล่นได้อย่างน่าสนใจ

 ด้านสาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม  คณะกรรมการเลือก “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์  วชิรบรรจง ในบทกะเทย จาก “พระจันทร์สีรุ้ง” เข้ารอบ เพราะเล่นได้ดี จนเชื่อว่าเป็นกะเทยจริง ส่วน “เคน” ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ จาก "สูตรเสน่หา” สื่ออารมณ์ความรู้สึกได้ดี ขณะที่ “ชาย” ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ ผ่านเข้ารอบจาก “สาปภูษา” เพราะคณะกรรมการกล่าวว่าเล่นได้ดีเช่นกัน ต่อกันที่ “ตุ้ย” ธีรภัทร์ สัจจกุล จาก “เมียหลวง” แม้จะขาดความกลมกลืน แต่คณะกรรมการบางท่านก็ชมว่าตุ้ยสามารถให้คนดูอินไปกับบทได้ ปิดท้ายด้วยพระเอกมาดเซอร์ “เป้” อารักษ์ อมรศุภศิริ จาก "แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” คณะกรรมการเห็นตรงกันว่าเป้เล่นได้เป็นธรรมชาติ

 ในส่วนสาขา ผู้กำกับละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม  คณะกรรมการต่างก็คิดหนัก แต่คัดเลือกผู้เข้ารอบ อย่าง โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์ จาก “สาปภูษา” ถือว่าเป็นผู้กำกับที่ทำงานละเอียด เช่นเดียวกับผู้กำกับชื่อดัง “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง จาก “ดงผู้ดี” ที่เก็บรายละเอียดได้ดี ภาพสวย ในขณะที่  "หนุ่ม" กฤษณ์ ศุกระมงคล จาก  “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” ที่สามารถเก็บรายละเอียดของเรื่องได้ครบถ้วน ฟาก “อุ๋ย” นนทรีย์ นิมิบุตร จาก “ดิน น้ำ ลม ไฟ” คณะกรรมการเล็งเห็นว่าทำงานออกมาอย่างมีคุณภาพ  สำหรับ สิทธิวัชร์  ทับแป้น จาก “เมียหลวง” แม้ว่าจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ภาพรวมก็ถือว่ากำกับให้งานออกมาดี 

 ปิดท้ายด้วยสาขา ละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยม คณะกรรมการได้เลือก เรื่อง “ดิน น้ำ ลม ไฟ” ค่ายเมตตามหานิยม เข้ารอบ เนื่องจากทั้งนักแสดง การนำเสนอ และคุณภาพ น่าสนใจ นับเป็นละครที่ฟอร์มดีเรื่องหนึ่ง ต่อด้วย “ผู้ใหญ่ลีกับนางมา” ของบริษัทโนพรอบเบล็ม เป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ ที่ทันสมัย อีกทั้งนักแสดงก็กลมกลืน เนื้อหาสอดแทรกแนวคิดชีวิตพอเพียง เป็นละครน้ำดีมีคุณภาพ  ตามมาด้วยเรื่อง "ดงผู้ดี" แห่งค่ายแอคอาร์ต คณะกรรมการมองว่า ถึงจะเป็นละครน้ำเน่า แต่ทำงานออกมาได้อย่างละเมียดละไม ในขณะที่เรื่อง “น้ำตาลไหม้” จากค่ายทีวีซีน เป็นละครไทยสมัยใหม่ที่เล่าเรื่องได้อย่างมีรสนิยม ส่วนเรื่อง “เมียหลวง” ของค่ายดาราวิดีโอ เป็นละครดราม่าเข้มข้น ภาพรวมการแสดงและการกำกับการแสดงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ยังมีจุดอ่อนในเรื่องบท