'นิชคุณ' ไม่กีดกันความรัก 'เชอรีน'

         บันเทิง คมชัดลึก - เรียกว่าเป็นปีแห่งการพิสูจน์ตัวเองในหลายๆ ด้านของ “คุณ” นิชคุณ หรเวชกุล นักร้องวง 2PM เพราะเพิ่งมีผลงานอัลบั้มและคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง ล่าสุดกำลังจะมีภาพยนตร์เรื่อง “CRACKED” กับค่ายซีเจ เมเจอร์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทำเอาใครหลายคนมองว่าเป็นปีทองของนักร้อง-นักแสดงหนุ่ม ได้พูดคุยกับนักร้อง-นักแสดงหนุ่มได้ความว่า 

          "ช่วงนี้มีงานแสดงในไทยติดต่อมาเยอะ ก็ดีใจ สำหรับหนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่ท้าทายหน่อย คือหนังผีเป็นอะไรที่เครียด นัก แสดงก็จะเครียดตามไป ก็ต้องปรับตัวนิดหนึ่งส่วนเวิร์คชอปก็เยอะหน่อย สิ่งที่แปลกตาคือเริ่มไว้หนวด ผู้กำกับเขาอยากให้ผมดูเซอร์ๆ ติสๆ เขาอยากให้เปลี่ยนลุคเพราะคนดูจะติดตากับนิชคุณที่ดูใสๆ แต่เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนมูดเปลี่ยนโทนนิดหนึ่ง เรียกว่าเป็นครั้งแรกที่ผมไว้หนวดแล้วต้องมาให้คนถ่ายรูปแบบนี้ ตอนแรกก็ยังกังวลว่าจะอย่างไร แต่แฟนคลับบางคนก็จะบอกว่าก็ดีดูเข้มดี แต่บางคนก็จะบอกว่าลุง พอแฟนคลับบอกเราก็ต้องยอมรับ เพราะอายุเราก็ไปเขตนั้นแล้ว เราก็ต้องทำตัวให้สดใจร่าเริงยังวัยรุ่นอยู่ ถามว่าชอบลุคไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ) คือผมก็ยังไม่เคยมีลุคนี้

         (เลืิอกรับงานอย่างไร) จริงๆ ผมดูสคลิป ดูเรื่องย่อและดูเวลาตารางด้วยว่าได้หรือเปล่า แต่ธรรมดาผมจะดูก่อนว่าผมอยากจะรับหรือเปล่า อยากจะท้าทายหรือเผชิญมันหรือเปล่า ส่วนหนังเรื่องนี้อ่านแล้วรู้เลยว่าเหนื่อยแน่นอน แต่อยากลอง ให้แฟนคลับได้เห็นลุคใหม่ ได้เหห็นมุมมองใหม่ๆ ของคุณด้วย ที่รับงานแปลกใหม่ตลอดเวลาเพราะอยากท้าทายตัวเอง ที่ผ่านมาเคยแสดงแต่เป็นสุภาพบุรุษ อบอุ่น โรแมนติก ซึ่งมันก็จะเดิมๆ ไป ก็อยากท้าทายอยากไปขั้นต่อไปของการแสดง ถามว่ามีละครติดต่อมาไหม มีละครติดต่อมาด้วย ทางช่องก็ติดต่อมา แล้วทางดูออนไลน์ก็ติดต่อมา ส่วนละครก็ยังคุยกันอยู่ ก็มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ

         (มีแพลนที่จะมารับงานที่ไทย) พร้อมตลอดเวลา แต่ด้วยตารางที่มีหลายประเทศทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งเราต้องเตรียมตัว งานเพลงงานคอนเสิร์ตผมก็ต้องเตรียมตัวเยอะ ก็จะยุ่งหน่อย ถ้ามีงานให้กลับมาเมืองไทยบ่อยๆ ก็ดีเพราะผมก็อยากกลับมาเมืองไทย เพราะบ้านผมก็อยู่ที่นี่ (แบ่งเวลาในการรับงานอย่างไร) ไม่มีมาตราการว่าต้องกลับเมืองไทย 3 เดือน 4 เดือน คือถ้างานเข้ามาเมื่อไหร่แล้วเวลาผมได้ ผมก็จะรับ ส่วนเวลาพักปีหนึี่งก็ต้องมีเวลาพัก ก็จะหาเวลาพาที่บ้านไปเที่ยว ไปเที่ยวต่างประเทศกับที่บ้าน (แล้วงานที่เกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง) ที่เกาหลีผมไม่ค่อยได้รับงานเยอะ ผมจะรับงานต่างประเทศมากกว่า อย่างไทย ญี่ปุ่น จีน  ส่วนที่เกาหลีช่วงนี้ไม่มีอะไรมากขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็ถ่ายเอ็มซี ออกรายการบ้าง ตอนนี้ก็รอ 2PM กลับมาค่ยลุยอีกที จริงๆ ผมอยากแบ่งเวลาให้แฟนคลับทุกๆ ประเทศ ประเทศไทยอาจจะมาบ่อยหน่อยเพราะเป็นบ้าน

          เรียกว่าเป็นปีทองหรือเปล่า เป็นปีที่พิสูจน์ตัวเองในหลายๆ ด้าน ในด้านนักร้องเดี่ยวก็พิสูจน์ตัวเองไปแล้ว ส่วนหนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นการพิสูจน์เรื่องการแสดงของผมว่าจะทำออกมาได้ดีขนาดไหน ผมถามผู้กำกับว่าทำไมถึงเลือกผม เขาก็บอกว่าเขาไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาชอบลุคของผม ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีขนาดไหน ก็ต้องลองดูแต่ผมจะทำให้ดีที่สุด (อยู่วงการมา 10 กว่าปีมีอะไรที่อยากทำอีกบ้าง) เอางานนี้ก่อนละกันเพราะเป้นงานที่ผมอยากทำและไม่เคยลอง ก็อยากทำให้เต็มที่และโปรเจคต่อไปค่อยคิดทีหลัง (ครั้งนี้มาไทยนานแค่ไหน) มาอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง เพราะช่วงนี้ผมอยากโฟกัสเรื่องหนัง ผมก็เลยไม่อยากรับเรื่องอื่น งานที่เกาหลีผมบอกต้นสังกัดเลยว่าผมไม่รับขอโฟกัสที่หนังเรื่องนี้กับตัวละครตัวนี้ดีกว่า  คือถ้าบินไปบินมามันน่าจะยาก มันจะสับสน มีเวลาพักกองก็เวิร์คชอป ก็เรียนการแสดง

        เมื่อถามเรื่องน้องสาว “เชอรีน”ณัฐจารี ที่ล่าสุดเปิดตัวแฟนผ่านไอจีส่วนตัว ได้สอบถามความรู้สึกนักแสดงหนุ่มได้ความว่า  

          "น้องมีคนดูแลก็ดี จริงๆ ผมเคยเจอเขาแล้วเขาก็เป็นคนน่ารักก็ไม่ว่าอะไร (คนนี้ผ่านใช่ไหม) ไม่เคยบอกว่าผ่านนะ แต่ก็ไม่ได้กีดกันหรือห้ามเขา เพราะเขาก็โตแล้ว (มีแซวบนเวที) เออ...แซวทุกครั้งแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเขาหรอก ด้วยความเป็นพี่ชายมีน้องสาวสวยก็ต้องหวงเป็นธรรมดา ถามว่าห่วงอะไรไหม ด้วยความรักเราก็ห่วงเขาทุกเรื่องแหละ แต่เราจะไปกันจนเขาไม่เคยรู้สึกเจ็บ ไม่เคยผ่านความเจ็บปวดมาเขาก็จะไม่โตเป็นผู้ใหญ่ เราก็หวังว่าเขาจะไม่เจ็บแหละ ก็ต้องปล่อยไปตามที่มันต้องเป็น เราจะไปห้ามอะไรเขาไม่ได้ เราก็คอยดูแลอยู่ห่างๆ ผมไม่เข้าไปยุ่งอะไรเขาขนาดนั้น ที่บอกว่าไม่เคยบอกว่าผ่าน เพราะว่าจะให้ผมบอกว่าผ่านหรือไม่ผ่านคงไม่ได้เพราะมันคือจิตใจของน้อง ถ้าคนนี้เขาคิดว่าใช่ก็คงใช่ ส่วนผ่านไม่ผ่านผมคงเข้าไปยุ่งไม่ได้

          (น้องมีแฟนแล้วเราล่ะ) ตอนนี้ผมก็แฮปปี้กับการทำงานมากเลย ขอให้ผมโฟกัสงานเถอะ ตอนนี้สับสนมากไม่รู้ว่าบ้านอยู่ไหนแล้ว คือผมอยู่เกาหลีมา 13 ปี กลับมาไทย 2 เดือนครั้ง บางทีก็สับสนเพราะรู้สึกเหมือนมาเมืองนอกเพราะมาเมืองไทยก็จะอยู่โรงแรม แต่พออยู่สักพักก็จะคุ้นเคยกับอาหาร กับคน กับถนนหนทาง ท้ายสุดเมืองไทยก็คือบ้านนั่นแหละ"