บันเทิง

ดราม่า..เงินบริจาค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  มายาประเทศ  โดย...   นิตี้ fb/nitylive  

 

 

          คนไทยส่วนใหญ่ใจบุญ เห็นใครตกทุกข์ได้ยากมักให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะดีเพราะคนที่เดือดร้อนจะได้รับการดูแลในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


          แต่ยุคสมัยการทำบุญเปลี่ยนไปตามเทรนด์เทคโนโลยี เดี๋ยวนี้มีสมาร์ทโฟนกดโอนเงินได้ง่ายตั้งแต่หลักสิบหลักร้อยโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ทำให้คนทั่วไปมักนิยมช่วยเหลือคนในช่องทางนี้มากขึ้น บริจาคคนละนิดคนละหน่อยก็กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ บางรายที่ได้รับบริจาคหลายล้าน กลายเป็นคนมีเงินระดับเศรษฐี โดยที่ไม่ต้องถูกรางวัลที่ 1 ก็มี

 

 

          ยกตัวอย่างดาราโนเนมตกอับรายหนึ่งจากกรณีออกมาทำคลิปดราม่าป่วยเป็นวัณโรคทับตับ ทับต่อมน้ำเหลือง ร้องไห้ขอความเมตตาบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือรักษาตัว ตอนแรกสื่อโซเชียลโหมกระพือไปทั่วออนไลน์จนคนต่างสงสารเห็นใจราวใกล้ตายน่าเวทนานัก และยิ่งมีคลิปออกมาเงินก็ยิ่งเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ เป็นเวลา 1 เดือน


          ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องยอดเงินแต่มันเรื่องของการโกหก? เพราะหลังได้รับความช่วยเหลือ ผู้คนพยายามถามว่าได้ยอดเงินไปเท่าไหร่แล้ว กลับบอกว่า 5 หมื่นบ้าง 5 แสนบ้าง แต่พอถูกแฉว่าย้ายห้องเช่าไปอยู่บ้านเดี่ยว และอีกหลายคำถามที่สังคมและสื่อไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร


          จนกระทั่งเจ้าตัวต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจงหลังนางแบบสาวที่ช่วยสร้างประเด็นดราม่าถูกถามหนักเรื่องเงินบริจาค โดยยอมรับว่าได้เงินบริจาคทั้งหมด 8 ล้านบาท บ้านที่อยู่เป็นเพียงบ้านเช่าเดือน 2 พันบาท ซึ่งเช่าต่อจากแฟนที่คบกันอยู่ ซึ่งซื้อมาในราคา 1.9 ล้านบาท ด้วยเงินของตัวเอง


          ตอนนี้เงินบริจาคเหลืออยู่ 7.5 ล้านบาท แบ่งไปใช้หนี้ 5 แสนบาท แต่ก็ยังเหลือหนี้อีกบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ ส่วนที่มีการแบ่งเงินไปตามบัญชีต่างๆ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกอายัด จึงนำเงินส่วนหนึ่งไปฝากไว้ที่บัญชีแฟน อยากเก็บเงินให้แม่ให้มากที่สุด จากนี้จะโพสต์ขายตุ๊กตาหรือกระเป๋า ทุกวันนี้ใช้เดือนละหมื่น เพราะค่ารักษาไม่เสียเงิน มีกรมวัณโรคคอยดูแลฟรีหมด

 



          จะว่าไปแล้ว! คนไทยใจบุญที่ให้ความช่วยเหลือก็คงดีใจที่เห็นว่ายอดเงินเยอะพอที่จะเลี้ยงตัวไม่ทุกข์ยาก แต่คนจำนวนไม่น้อยก็เห็น “บทเรียน” การให้ความช่วยเหลือคนนั้น ควรติดตามและรับรู้ว่าให้ไปแล้วนำใช้ถูกทาง! ไม่ใช่ว่าให้แล้วให้เลย จะใช้อย่างไรไม่รู้ ใครดูแลไม่ทราบ แต่เงินหมดต้องออกมาดราม่าขอเงินบริจาคอีก เหมือนหลอกให้ช่วยไม่จบไม่สิ้น ซึ่งจะกลายเป็นผลเสียต่อคนที่เขาตกทุกข์ได้ยากจริงๆ ต้องการความช่วยเหลือ แต่อาจทำให้คนในสังคมเข็ดขยาด จากดราม่าบริจาคเงินให้เป็นเศรษฐีแต่ไม่รู้อันไหนจริงอันไหนหลอก


          แม้ว่ากฎหมายจะดูแลเรื่องการเรี่ยไรหรือบริจาค แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องไปดูตรวจสอบแทนผู้บริจาคเงินด้วย เพราะบางทีดราม่าในโซเชียลหลอกให้บริจาคมันมีอีกมาก และบางทีแก๊งมิจฉาชีพเห็นยอดเงินหลายล้านอาจใช้ช่องทางนี้อุปโลกน์ หลอกลวง ให้คนทั่วไปตกเป็นเหยื่อ!!!

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ