'มาสุ-บัว' ควงคู่เสริมบุญลุ้น 'ลับลวงใจ' ปังดังทั่วเมือง

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก   -   กระแสละครเรื่อง “ลับลวงใจ” กำลังมาแรง โดยเฉพาะ 2 นักแสดงของเรื่องอย่าง “มาสุ จรรยางค์ดีกุล” ที่รับบท “โจ้” และ “บัว” นลินทร์ทิพย์ สกุลอ่องอำไพ ที่รับบท “ตุ้ม” ที่ได้รับกระแสตอบดีอย่างล้นหลามในความร้ายของทั้งคู่ แสดงดีโดนกระหน่ำแบบนี้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” เลยขอพาทั้งคู่มาทำกิจกรรม “พักยก” เสริมความดังกันซะหน่อย
 

    โดยนัดหมายกันช่วงบ่ายๆ ที่วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี และเหมือนอากาศเป็นใจ เพราะมีแดดแต่ไม่ร้อนมาก ซึ่งสาวบัวมาก่อนเวลานัด หลังจากนั้นไม่นานหนุ่มมาสุก็ตามมา เมื่อมาถึงทั้งคู่ก็มีการพูดคุยทักทายกันอย่างสนิทสนม

    หลังทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ก็เริ่มทำกิจกรร่มด้วยการไปปล่อยปลาลงแม่น้ำเจ้าพระยาตรงบริเวณด้านหลังของวัด ท่าเรือเทเวศน์ ซึ่งทั้งคู่เลือกปล่อยปลาไหล ปลาดุก และปลาสวาย โดยก่อนที่จะปล่อยทั้งคู่ก็นั่งท่องบทสวดอย่างตั้งอกตั้งใจ จากนั้นก็ช่วยกันปล่อยปลาลงในแม่น้ำ จากนั้นบัวถามมาสุขึ้นว่า “รู้ไหมว่าปลาที่ปล่อยมีความหมายอย่างไง” มาสุทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนที่บัวจะเฉลยว่า “ปลาแต่ละชนิดที่ปล่อยมีความหมายนะ นี่ปล่อยโดยไม่รู้เลยเหรอ” มาสุยิ้มแบบเจื่อนๆ บัวเลยบอกต่อว่า “อย่าง ปล่อยปลาไหล หมายถึง การเงิน การงาน จะราบรื่น ปล่อยปลาดุก หมายถึง พ้นภัยอันตราย และปล่อยปลาสวาย คือ เงินทองไหลมาเทมา” มาสุแซวขึ้น “อ๋อ ถึงว่าเลือกไว้แล้วว่าจะปล่อยอะไร นี่เรามากับผู้รู้สายบุญตัวจริง (ยิ้ม)” พูดจบทั้งคู่ก็ขอชมวิวริมแม่น้ำสักพักก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัววัดเทวราชกุญชร เพื่อจะเข้าไปยังพิพิธภัณฑ์สักทอง จุดหมายของการทำกิจกรรมในครั้งนี้ 

 

 

 

 

 

 

    ช่วงจังหวะที่กำลังเดินเข้าไปนั้น ชาวบ้านที่อยู่บริเวณวัดที่จำทั้งคู่ได้ก็ขอถ่ายรูปพร้อมแซวว่า “อย่าร้ายกันมากนัก ป้าใจไม่ดี” บางคนก็พูดกับมาสุว่า “หล่อๆ แบบนี้ทำไมร้ายจัง” ส่วนสาวบัวได้รับกระแสดีไม่แพ้กัน เมื่อคุณป้าย่านวัดบอกว่า “สวยๆ รวยๆ แบบเรา ไปเอาทำไมผู้ชายแบบนี้ หาใหม่ หนีไป” แหม...อินกันทุกคน หลังจากมาสุ-บัว พบปะประชาชนกันอยู่พักใหญ่คุณป้าก็ส่งต่อเรื่องดีๆ ด้วยการบอกให้ทั้งคู่ไหว้ขอพรองค์เทวราชเนรมิต องค์เทพประจำวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร โดยยังบอกอีกว่าหลายๆ คนที่มาขอพรจากองค์เทวราชเนรมิต ประสบความสำเร็จกันมานักต่อนักแล้ว ได้ยินแบบนี้ทีมงาานเลยไปจัดเตรียมพวงมาลัยให้ทั้งคู่มาไหว้ขอพรองค์เทวราช

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    ซึ่งวิธีการขอพรก็ง่ายๆ คือเข้าไปขอพรโดยให้นิ้วที่ชี้ขององค์เทวราชไว้ตรงหน้าผากและขอพรจากองค์ท่าน ทั้งมาสุและบัวก็ทำกันอย่างตั้งใจ ทีมงานแอบถามว่าขอพรท่านว่าอะไร “ขอเรื่องงานขอประสบความสำเร็จ ขอให้ละครลับลวงใจเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ” บัวพูดจบ มาสุเสริมขึ้นว่า “ขอเหมือนกันเลย” หลังจากขอพรจากองค์เทวราชเนรมิตแล้ว ก็ถึงเวลาที่ทั้งคู่จะเดินไปยังจุดหมายที่ตั้งไว้คือพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง แต่ก่อนที่จะเข้าไปบัวและมาสุก็ตั้งจิตอธิษฐานอีกครั้งต่อหน้า “พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ด้านหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์สักทอง” จากนั้นก็เดินเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์ที่ทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มาสุที่ดูจะสนใจเป็นอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงของละคร ลับลวงใจ ได้เล่าให้ฟังว่า “พิพิธภัณฑ์ไม้สักทองสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนา และเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่รัชกาลที่ 9 ครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี”
เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่าเรือนไม้สักทองหลังนี้มีความพิเศษคือมีเสาไม้สักขนาด 2 คนโอบจำนวน 59 ต้น อายุจากวงปีแล้ว มีอายุถึง 479 ปี หรือประมาณสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ก่อนที่จะขึ้นไปบริเวณชั้น 2 เจ้าหน้าที่แนะนำให้ทั้งคู่เข้าสักการะ “พระสยามเทวาธิราช” องค์จำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทย หลังจากสักการะพระสยามเทวาธิราช (องค์จำลอง) มาสุก็พาบัวเดินชม ซึ่งห้องนี้คือห้องที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญและเกจิอาจารย์ชื่อดังของไทยหลายๆ ท่าน อาทิ สมเด็จพุฒาจารย์โต, หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต, พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) พร้อมกับประวัติของแต่ละท่านให้ได้ชมและศึกษา 

 

 

 

 

 

 

 

 

    หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปห้องโถงใหญ่อีกห้องหนึ่งเพื่อชมหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์ของประเทศไทย ซึ่งทันทีที่ขึ้นไปมาสุกล่าวขึ้น “สัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ ขนลุกเลย” มาสุพูดขึ้น ก่อนจะชวนบัวกราบ “พระบรมสารีริกธาตุ” ที่ประดิษฐานอยู่ในหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์ เจ้าหน้าที่เล่าว่าหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์นี้ คือสมเด็จพระสังฆราชตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 9 “พวกเราเดินชมได้ไหมคะ” บัวถามขึ้น เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า “ได้ค่ะ” จากนั้นบัวและมาสุก็เดินชมความวิจิตรบรรจงกับการสรรค์สร้างหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์ “เหมือนมากเลย” มาสุกล่าวขึ้น โดยไม่ใช่แค่หุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์ แต่ยังมีประวัติในด้านคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติของทุกๆ ท่าน ตั้งแต่สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก จนถึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ที่ได้สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2556 และภายในห้องนี้ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้ได้กราบสักการะขอพรกันอีกด้วย

 

 

 

 

 

    ต่อมาทั้งคู่ได้เข้าไปกราบ​พระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ที่ตั้งอยู่ด้านในห้องอีกห้องหนึ่ง จากนั้นทั้งคู่ก็เดินลงมาบริเวณด้านล่าง โดยในใจตอนนั้นทีมงานและมาสุ บัว คิดว่าจะกลับแล้ว แต่เมื่อลงมาด้านล่างเจ้าหน้าที่ก็แอบกระซิบทั้งสองคนว่าห้องด้านล่างมีจุดสักการะพระคลังมหาสมบัติ (จำลอง) ซึ่งเชื่อกันว่าพระคลังมหาสมบัติคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองทรัพย์สินแผ่นดิน  ซึ่งทั้งคู่สักการะขอพร  โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้คาถาบูชาแก่ทั้งคู่อีกด้วย หลังจากสักการะขอพรพระคลังมหาสมบัติ (จำลอง) แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องบอกลากันแล้วมาสุและบัวกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ของทางพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง “ขอบคุณที่ให้ความรู้กับเราสองคน วันนี้พวกเราได้ความรู้เยอะจริงๆ สัญญาจะกลับมาอีกครับ” มาสุ กล่าว “วันนี้เราสองคนรู้สึกอิ่มบุญและรู้สึกมีความสุขมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ” จากนั้นทั้งคู่ก็ขอลากลับ
    ก่อนแยกย้ายกันทีมงานก็ขอมานั่งพูดคุยกับทั้งคู่หน่อย “วันนี้ดีใจมากที่ได้มาทำบุญแถมได้รับความรู้มากมาย ปกติเวลามาทำบุญก็แค่ไหว้พระ ปล่อยนก ปล่อยปลา แต่วันนี้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องศาสนา เอาจริงๆ บัวไม่รู้มาก่อนเลยว่าประเทศไทยมีสมเด็จพระสังฆราชมาแล้วกี่พระองค์ แต่วันนี้ได้รู้ ได้อ่านประวัติของแต่ละพระองค์ด้วย” บัวกล่าว ด้านมาสุ กล่าวว่า “ผมเป็นคนที่สนใจเรื่องราวประวัติศาสตร์อยู่แล้ว ชอบนะ อยากมาที่แบบนี้บ่อยๆ แต่ด้วยเวลาที่ตอนนี้ผมเองทำงานแทบจะทุกวัน เพราะมีละครที่ต้องถ่ายทำอยู่หลายเรื่อง แต่พอวันนี้ได้มาถึงจะบอกว่ามาทำงาน แต่ก็รู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อน” 

 

 

 

 

 

 

 

    ต้องแยกย้ายกันจริงๆ แล้ว ฝากละคร “ลับลวงใจ” หน่อย “ก่อนอื่นขอบคุณแฟนละครทุกคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่ตอนแรก อยากจะขอให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ เพราะเรื่องราวจะยิ่งเข้มข้น แล้วมาดูกันว่าบทสรุปของการรักแบบของตุ้มจะเป็นยังไง” บัวกล่าว ส่วนมาสุ “เป็นการพลิกคาแรกเตอร์ครั้งแรกของผม ตอนแรกก็แอบกดดันนิดๆ ว่าแฟนๆ จะว่ายังไง แต่จากกระแสตอบรับที่กลับมา คือดีใจมาก ขอบคุณทุกคนที่ติชมกันเข้ามา หวังว่าจะติดตามกันต่อไปจนตอบจบ มาดูกันว่านายโจ้จะร้ายและแสบได้แค่ไหน ฝากติดตามละครลับลวงใจด้วยนะครับ” อ้อนกันขนาดนี้ ไม่ดูไม่ได้แล้ว จากนั้นทีมงานก็ขอโบกมือลาทั้งคู่ให้ไปทำภารกิจที่ตอนนี้คิวแน่นเอี้ยดกันต่อ