'หลุยส์' ขอเคลียร์ต่อหน้าคู่กรณีขับรถปาดบนทางด่วน

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  จากกรณีที่พระเอกหนุ่ม "หลุยส์ สก็อตต์" ออกมาโพสต์คลิปที่ถูกรถยนตร์คนหนึ่งขับรถปาดไปปาดมาบนทางด่วน จนกลายเป็นที่ถกเถียงวิจารณ์กันในโลกออนไลน์ ล่าสุดผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอหนุ่มหลุยส์ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต "COOLfahrenheit Presents RAPTOR EVOLUTION 25 ปี ไม่มีเกรงใจ" เลยถามถึงเรื่องนี้

    “ความจริงแล้วที่โพสต์ไป คือโดนไปวันก่อนที่จะโพสต์ เราโดนไปแล้วตอนนั้นกำลังเดินทางไปอาร์เอส ไปซ้อมคอนเสิร์ต ก็ลังเลว่าจะโพสต์ดีไหม ตอนแรกไม่ได้อยากที่จะโพสต์แต่ว่ายังไงมันก็ต้องโพสต์ มันเหมือนได้เตือนคนอื่นๆที่ใช้รถใช้ถนนอยู่ระแวกนั้นด้วย ทุกอย่างเป็นไปตามคลิปเลย ความจริงมันเกิดก่อนหน้าที่เราจะอัดคลิปด้วย เราก็ตกใจอยู่ ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงมาโดนแบบนี้ เลยตัดสินใจหยิบมือถือมาถ่ายเผื่อเขาจะกลับมา สุดท้ายเขาก็กลับมาจริงๆ”

 

    มีปัญหากันมาก่อนไหม เราได้ไปปาดหน้าเขาหรือเปล่า
    “เราเองก็งงว่าเราไปโดนอะไรตอนไหน ทางตำรวจตอนที่เขาเรียกตัวผมไปถามข้อมูลเพิ่มเติม เขาก็เช็คแล้วบอกว่าฝากเช็คด้วยเขาจะได้คอนเฟิร์มว่าเราไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ไม่มีไปปาดเขาเลย ผมก็เข้าใจว่าบางคนเขาก็มีคำถามนี้ขึ้นมา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง ผมบอกว่าไม่ได้ทำอะไรมันก็เหมือนว่าผมแก้ตัว ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวให้ตำรวจเขาเช็คเอง ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจไปเลยเพราะเราเองก็บริสุทธิ์ใจ ผมเป็นคนบอกเขาเองด้วยว่าให้เช็คเพราะผมรู้ว่าหน้าด่านมันมี”

 

 

    ทางคู่กรณีได้ติดต่อกลับมาไหม หลังเราโพสต์คลิปไป
    "ไม่มีครับ ความจริงที่เขามาแจ้ง เห็นเขาบอกว่าจะมีการพูดคุย เขาก็ถามว่าผมอยากที่จะเข้าไปไหม ผมก็บอกโอเค นัดวันมา ซึ่งตรงกับวันที่แถลงข่าวคอนเสิร์ตพอดี ผมไปไม่ได้ เลยบอกให้เลื่อนวันได้ไหม ตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาได้พูดคุยกันไปแล้ววันนี้หรือเลื่อนเป็นวันอื่น ผมต้องอัพเดตกับเขาอีกทีหนึ่ง (อยากเจอตัวคู่กรณี) ถ้าได้เจอกันก็ดี”

 

 

 

 

 

    ระยะเวลาที่เกิดเหตุนานไหมบนทางด่วน?
    “เกือบๆ 13-14 นาที จากหน้าด้าน แล้วเราขับช้ามาก เพราะว่าเราต้องการจะให้เขาไปก่อน เราก็หลีกทาง หลบให้แล้ว เขาก็ช้าลงแล้วมันก็มีการจอดก่อนที่จะเข้าปั้ม เขาก็จะเข้าด้วย ผมเลยออกมาใหม่ ออกมาถ่ายอีกรอบนึงมันก็เลยยาว” 

 

    ตอนนั้นตกใจขนาดไหน?
    “มันงงมากกว่าว่าคืออะไร เราเองไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมา ถึงทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีหรือว่าโมโห แต่ผมไม่ได้ทำเขา เพราะฉะนั้นเลยอยากจะเตือนสตินิดนึงถึงแม้ว่าคุณจะอารมณ์เสียอะไรแต่มันก็ไม่ควรจะไปลงอารมณ์กับคนอื่นที่เขาไม่รู้อะไรด้วยเลย”

 

    กลัวจะมีเรื่องกันไหม?
    "ไม่ครับ แต่นุ่นเขากลัวมาก เราเป็นผู้ชายด้วยแล้วเราก็รู้ว่าพฤติกรรมมันไม่น่าจะรุนแรงไปเกินขนาดนั้น เพราะถ้าจะรุนแรงเขาน่าจะจอดกลางทางด่วนแล้วลงรถมา ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ถอย”

 

    หลายคนชมว่าเรามีสติมาก
    “ผมมีเกียร์ถอยหลังผมก็ถอยหลัง (หัวเราะ) ถ้าเราไม่ได้ไปปะทะเขามันไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกทแต่ถ้าอารมณ์เราไปขึ้นตามเขา มันจะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง ถ้าคุณถอยเรื่องจะไม่เกิด แต่อย่าให้จนมุมนะ เราก็ควบคุมสติอยู่ ด้วยความงงมากกว่า คือเรางงตัวเอง ยังไม่ถึงจุดโกรธ แต่พอกลับมาดูอีกทีก็รู้สึกโกรธนะ แต่ว่าตอนนั้นมันตกใจและงง เอ๊ะมันตอนไหนยังไง ก็ปรึกษากันนุ่นว่ามันตอนไหนยังไง นุ่นเขาก็ไม่รู้เพราะเขาแต่งหน้าอยู่ พูดง่ายๆถ้าเราเป็นคนที่ขับรถเร็วปาดไปปาดมา เขาจะแต่งหน้าไม่ได้อยู่แล้ว เราก็ขับปกติของเรา นุ่นเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าผมขับกระชากรถ ผมเองก็ไม่รู้จริงๆ”

 

    ช่วงจังหวะตอนนั้นมันมีความเสี่ยงที่จะชนหรือมีอุบัติเหตุไหม?
    “มันมีอยู่แล้วแต่เราก็เท้าไวเหมือนกัน เราก็พร้อม เราก็ดูอาการอยู่เพราะเราเคยขับรถแข่งมาก่อน เรารู้อาการว่าเขาพร้อมใกล้ที่จะเหยียบเบรกอีกรอบหนึงแล้ว ผมก็ยกเท้าจะคันเร่งมาไว้รอเบรก ไฟขึ้นปุ๊บแตะผมก็แตะพร้อมเขา เรารู้ตัวตลอด ก็หลีกเลี่ยงการปะทะกับเขาอย่างเดียว”

 

    
    จะเคลียร์กันลงตัวไหม?
    “ผมก็บอกว่าในสิ่งที่ผมต้องการมันโอเคแล้วคืออยากให้เป็นอุธาหรณ์เตือน การที่ผมจะไปเอาเรื่องคุณหรือเปล่าผมก็ไม่ได้แจ้งความ ถ้าผมจะเอาเรื่องผมก็แจ้งความตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่อันนี้ผมไม่ได้ทำ ผมว่ามันไม่จำเป็น เขาก็น่าจะมีบทเรียนแล้วว่าไม่ควรจะขับรถแบบนี้ เคลียร์กันมันก็คือจบแต่มันก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาจะดำเนินคดีต่อยังไง ถ้าเขาเจรจากันไม่ได้ ก็ต้องเป็นเรื่อง แต่ตัวผมไม่ได้ติดใจอะไร”

 

   อยากบอกอะไรกับคนที่เขาทำหรือคนที่อาจจะโดนอย่างเรา?
    “ถ้าได้เจอและนั่งคุยผมอยากคุยกับเขามากกว่า ไม่อยากจะคุยผ่านสื่อเพราะมันจะเป็นการขยายผลส่วนใดส่วนหนึ่งที่ทางเขาอาจจะเสียเปรียบ ถ้าได้พูดคุยกันก็คงดี ส่วนคนที่ใช้รถใช้ถนนผมเชื่ออย่างนึงว่าเราต้องมีสมาธิในการขับรถเยอะๆ บางครั้งเวลาเราอยู่บนถนนเราก็จะเจอคนทำนั่นทำนี่ เช่น เล่นมือถือ กินข้าว แต่งหน้า ก็เข้าใจนะว่ารถติดแล้วมันหิว แต่ว่าเราก็ต้องให้ความสำคัญกับการใช้ถนนมากขึ้นกว่านี้หน่อย”