'บิ๊กแอส' ทำใจต้องถูกใส่กุญแจมือ

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  ยังเป็นเรื่องคาราคาซัง จากกรณีที่วง “บิ๊กแอส” ศิลปินค่ายจีนี่เรคคอร์ด ได้ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ค่ายเพลง เพาเวอร์เทรเซอร์ จำกัด หรือ มิวสิกบั๊ก แจ้งความดำเนินคดี ว่าละเมิดลิขสิทธิ์นำเพลง “ก่อนตาย” ไปแสดงจำนวน 28 โชว์ ซึ่งเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นตอนของการฟ้องศาลในบางแห่งแล้ว ซึ่งมีข่าวว่าสมาชิกวง “บิ๊กแอส” จะต้องถูกจับกุมใส่กุญแจมือในวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายนนี้ ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสเจอวงชื่อดัง จึงถามถึงเรื่องนี้ โดย “กบ” ขจรเดช พรมรักษา มือกลองของวง และเป็นผู้แต่งเพลง “ก่อนตาย”
 

    กบ : "แบ่งเป็น 3 แบบ อย่างแรกคือไปสน. ก่อน ไปรายงานตัวกับ สน. ก็คือ 28 ที่ หลังจากนั้นก็คือส่งตัวอัยการอีก 28 ที่ อัยการไปฟ้องศาลอีก 28 ที่เหมือนกันทั่วประเทศ ขั้นตอนแรกเราเสร็จไปแล้วคือไปรายงานตัวที่ สน. ในส่วนของอัยการเราเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง อย่างล่าสุดที่ไปมาคือที่อุบลราชธานี เมื่อวันก่อน (23 เม.ย.) และจะเริ่มมีการส่งฟ้องแล้ว ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ เลยก็คล้ายกับคดีหนุ่ม (หนุ่ม กะลา) แต่คดีของหนุ่มเขาเดินทางไปถึงจุดที่ศาลพิพากษาแล้ว เรากำลังเข้าสู่ขั้นตอนนั้น ก็คือกำลังจะมีการส่งฟ้องเกิดขึ้น อย่างเช่นวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ (25 เม.ย.) ต้องไปที่ชลบุรี ที่นี่มีการส่งฟ้องเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งศาลบางทีก็ไม่เหมือนกัน บางทีก็จะมีการใส่กุญแจมือ เข้าห้องขัง ขังรวมกับผู้ต้องหาอื่นในคดีอุฉกรรจน์บ้าง ซึ่งเราไม่เคย วันพฤหัสบดีนี้จะเป็นที่แรกที่เราจะต้องโดนแบบนั้น เดี๋ยวก็รู้กันว่าเราจะเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ไม่ทุกที่ ก็แล้วแต่ แต่ละที่ เอาจริงๆ เราก็พร้อมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นยังไงเราก็ยืนยันตลอดว่าเราจะสู้ถึงที่สุด ถ้ามันจะพาไปถึงขั้นตอนของการทำให้เรื่องนี้มันกระจ่างชัดเจน เรายินดีมากๆ เพราะความจริงเรารู้ว่าเราแต่งเพลงนี้ จะทำทุกอย่างเพื่อจะบอกว่าเราสู้เพื่อเพลงนี้ถึงที่สุดในทุกๆ ทาง"

 

    ในส่วนตัวในวงมีความกังวลกันไหม
    กบ : “เรื่องความกังวล ผมขอย้อนกลับไปตรงคดีของหนุ่มกันนิดหนึ่ง บังเอิญว่าคดีแบ่งเป็น 2 คดี คือคดีแพ่งและคดีอาญา  ในคดีอาญาสิ่งที่เขาเรียกร้องที่ละ 5 แสนบาท ของหนุ่มประมาณ 40 ที่ (20,000,000 บาท) ของเราอีก 28 ที่ ที่ละ 5 แสนบาทเหมือนกัน (14,000,000 บาท) สรุปแล้วคือศาลตัดสินว่าไม่ผิด และไม่ต้องเสียอะไรเลย อันนี้คือสิ่งที่เขาเรียกร้องในคดีอาญา คือไม่ได้อะไรสักบาทเลย มันบอกอะไรหลายอย่างกับเราว่า สิ่งที่เราต่อสู้ สิ่งที่หนุ่มต่อสู้ ศาลบอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นเรากำลังเดินทางไปสู่จุดที่ว่าเราจะพิสูจน์ทุกอย่าง เราจะทำทุกอย่างเพื่อจะบอกว่าเพลงนี้เราแต่ง สุดท้ายจะเป็นยังไง ก็แล้วศาลท่าน สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือทำตามขั้นตอนของกฎหมาาย ไปรายงานตัวไม่เคยขาด ไม่เคยสาย ไม่เคยช้า ไปตามขั้นตอนทุกอย่าง เราบอกตรงๆ ว่าเราเลยจุดกลัวมาแล้ว ไม่รู้จะกลัวไปทำไมแล้ว เพราะว่าสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือเดินหน้าต่อไป ทำตามสิ่งที่เราเชื่อ เพราะเราเชื่อว่าเพลงนี้เป็นของเราเช่นกัน แต่มันก็ต้องว่ากันอีกยาวๆ มันต้องพิสูจน์กันอีกยาวๆ มันก็ต้องสู้กันต่อไป”

 

 

 

 

    จากนี้จะไม่มีการไกล่เกลี่ยกันแล้ว
    กบ : "จริงๆ มีการไกล่เกลี่ยมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งสดๆ ร้อนๆ ก็เมื่อเร็วๆ นี้เอง 2-3 วันที่แล้วเอง สรุปตัวเขาเองก็ก็ยังยืนยันตัวเลขค่าเสียหายเดิมอาจจะเพิ่มขึ้นซะด้วยซ้ำ กับเพลงแค่ 2 เพลง ซึ่งผมรู้สึกว่าเรากำลังต่อสู้กับสิ่งที่เราเรียกว่าความยุติธรรม ผมเชื่อว่าความยุติธรรมมันมีอยู่จริง ไม่ใช่ว่าเราไม่คุย ไม่ไกล่เกลี่ย ซึ่งทุกอย่างมันเดินทางมาถึงจุดนั้นถึง 2 ครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายจะมีการนัดกันเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า (พฤษภาคม) ถ้ายังไกล่เกลี่ยไม่ลงตัวอีก เขายังยืนยันในตัวเลขเดิมอีก เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือเดินทางตามขั้นตอนที่จะเกิดขึ้น"

 

    อีกใจหนึ่งคิดไหมว่าผลการตัดสินอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง
กบ : "เราไม่สามารถล่วงรู้อะไรได้  เราทำได้แค่เรามีหลักฐานอะไรบ้าง และเรายืนยันอะไรบ้าง ด้วยความเป็นเรื่องกฎหมาย เราก็ต้องยอมรับว่าเรื่องกฎหมาย เราไม่รู้เรื่องเลย ก็มีทนายและมีที่ปรึกษา สิ่งที่เรายืนยันได้เลยคือ เรามีข้อมูลหลักฐานอะไร เราก็รวบรวมมา เราก็หวังว่าการไกล่เกลี่ยนจะมีผลบ้างแต่ถ้าไม่มีผล บอกตรงๆ ว่าเราก็เลยจุดกลัวมาแล้ว เราก็จะสู้จนถึงที่สุดเช่นเดียวกัน 

 

 

 

    รับได้แค่ไหน หากต้องถูกใส่กุญแจมือ
    กบ:ผมเชื่อว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครรับได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าระหว่างทางเรานึกถึงอะไร เราใช้กำลังใจอะไรนำทาง มันมีประโยคเดียวก็คือเราเชื่อว่า เรากำลังทำในสิ่งที่ความยุติธรรมมันต้องมีจริง เราคิดแบบนี้ แล้วเราก็สู้แม้ว่าเราจะไม่มีทางสู้ เราจะสู้แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันจะเจออะไร แต่เราก็จะสู้จนถึงที่สุดเท่านั้นเอง  

 

    ยืนยันว่าจะสู้ต่อแน่นอน
    กบ: ผมไม่มีทางเลือก (หัวเราะ) ถ้าผมเลือกได้ ไม่มีใครอยากจะเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายคนเราถ้าหลังมันชนฝา ทุกคนก็ต้องทำแบบผมเหมือนกัน"